นับเป็นดีลใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้อีกครั้งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่พวกเขาแถลงการณ์เองเลยว่าได้บรรลุข้อตกลงในเการคว้าตัว ราฟาแอล วาราน จาก เรอัล มาดริด ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร มาร่วมทัพได้เรียบร้อยแล้ว
วาราน ก็จะกลายเป็นการเสริมทัพรายที่ 4 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คว้าตัว ทอม ฮีตัน, เจดอน ซานโช่ และ พอล แม็คเชน มาร่วมทัพได้ไปก่อนแล้ว เพียงแต่ 3 คนก่อนหน้านี้มีเพียง ซานโช่ แค่คนเดียวที่น่าจะเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่ทันที โดยที่ ฮีตัน น่าจะเป็นเพียงนายด่านตัวสำรอง ส่วน แม็คเชน แค่จะมาช่วยประคองเด็กๆ ในทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเท่านั้น
ทั้งนี้ วาราน จะถือเป็นเซนเตอร์แบ็กชาวฝรั่งเศสคนที่ 4 ที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ที่เข้าสู่ยุคสมัยของ พรีเมียร์ลีก แต่ผลงานของรุ่นพี่ 3 คนก่อนหน้านี้มันเป็นยัไงกันบ้าง ? ลองไปดูกันสักหน่อยดีกว่า
1) โลร็องต์ บล็องก์
บล็องก์ ถือเป็นเซนเตอร์แบ็กที่เหนียวแน่นมากคนหนึ่งในตอนที่เขายังมีอายุไม่มากนัก ซึ่งนั่นก็ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามที่จะดึง บล็องก์ มาร่วมทัพให้ได้หลายครั้งนับตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในเดือนสิงหาคมปี 2001 เพียงแต่ตอนนั้น บล็องก์ มีอายุ 35 ปีเข้าไปแล้ว
ด้วยความที่ไม่ใช่กองหลังที่เร็วเป็นทุนเดิม ประกอบกับอายุที่เยอะสุดๆ ทำให้ บล็องก์ มีปัญหาในการรับมือกับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษในช่วงแรกๆ ที่มาอยู่กับทีม โดยพอถึงวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2001 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แพ้ในลีกไปแล้วถึง 5 นัด ประกอบด้วย โบลตัน, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล และ เชลซี ซึ่งมันก็ทำให้หลายคนล้อว่าหากเอาตัวอักษรตัวแรกของ 5 ทีมที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในลีกในตอนนั้นมารวมกันแล้วล่ะก็ มันก็จะเป็นนามสกุลของ บล็องก์ พอดีด้วย
แม้ว่าหลังจากผ่านไปพักหนึ่ง บล็องก์ จะเล่นได้ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่เข้าขั้นน่าประทับใจ และไม่สามารถทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกในฤดูกาล 2001-02 ได้ ถึงกระนั้น เขาก็ยังได้รับสัญญาฉบับใหม่ 1 ปี จนทำให้ได้สัมผัสกับตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2002-03
2) มิกกาแอล ซิลแวสตร์
นี่เป็นดีลที่น่าทึ่งมากๆ ในตอนแรก เพราะเชื่อหรือไม่ว่าที่จริง เชราร์ อุลลิเย่ร์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ก็เคยพยายามที่จะเอา ซิลแวสตร์ ไปร่วมทัพ “หงส์แดง” เหมือนกัน แต่สุดท้ายกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สามารถเอาดาวเตะเลือดน้ำหอมมาจาก อินเตอร์ มิลาน ได้เมื่อปี 1999 แถมนัดประเดิมสนามของเขายังเป็นการเจอกับ ลิเวอร์พูล อีกต่างหาก โดยถึงแม้ ซิลแวสตร์ จะไปยืนเป็นแบ็กซ้ายได้ แต่หลักๆ แล้วเขาชอบเป็นกองหลังตัวกลางมากกว่า
ทั้งนี้ ถึงแม้ ซิลแวสตร์ จะอยู่ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนถึงขั้นที่เขาได้แชมป์ลีก 4 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 หน, แชมป์ ลีก คัพ 1 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้งร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ฟอร์มของเขากลับไม่คงเส้นคงวาอย่างที่ควรจะเป็น และยังมีชอตพลาดให้เห็นบ่อยเกินไปด้วย จนทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของแฟนบอลไม่ดีเท่าไหร่นัก
ถึงกระนั้น ซิลแวสตร์ ก็ถือเป็นนักเตะที่จงรักภักดีกับทีมมากคนหนึ่ง เขาเคยออกมาเปิดเผยว่ามีโอกาสที่จะย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ในตลาดช่วงหน้าหนาวของฤดูกาล 2005-06 จากการที่ตอนนั้น อุลลิเย่ร์ ชวนเขาไปร่วมงานกันที่ ลียง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะขออยู่สู้แย่งตำแหน่งภายในทีมต่อไป ก่อนที่สุดท้ายจะต้องบอกลา แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2008 ซึ่งทีมที่รับเขาไปใช้งานต่อก็คือ อาร์เซน่อล
3) วิลเลี่ยม พรูนิเย่ร์
ในฤดูกาล 1995-96 พรูนิเย่ร์ ตั้งความคาดหวังกับกาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สูงมาก โดยหลังฉีกสัญญากับ บอร์กโดซ์ เขาก็ตัดสินใจเดินทางมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรูปแบบการทดสอบฝีเท้า ซึ่งตอนนั้น เฟอร์กูสัน ก็ยอมให้เขาได้ทดสอบฝีเท้า เพราะกำลังอยากได้เซนเตอร์แบ็กที่ผ่านบอลเก่งๆ พอดี โดยตอนแรก เฟอร์กูสัน คิดที่จะใช้เขาแค่ในเกมระดับทีมสำรองก่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่ สตีฟ บรูซ, แกรี่ พัลลิสเตอร์ และ เดวิด เมย์ ต่างก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้ เฟอร์กูสัน จำเป็นต้องใช้งาน พรูนิเย่ร์ แบบกะทันหัน ซึ่งเขาก็ได้ประเดิมสนามในเกมกับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปี 1995 โดยที่ได้ยืนคู่กับ แกรี่ เนวิลล์ และสุดท้ายดาวเตะเลือดน้ำหอมก็เล่นได้โดดเด่นในระดับหนึ่งจนช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไป 2-1 โดยเฉพาะการผ่านบอลให้ แอนดี้ โคล ได้ลองลุ้นประตู แต่ โคล กลับยิงไปชนคานซะเอง
ผลงานแบบนั้นทำให้ เฟอร์กูสัน ให้โอกาส พรูนิเย่ร์ ได้ลงเล่นอีกครั้งในเกมกับ สเปอร์ส เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1996 อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เกมนั้น เดนิส เออร์วิน ลงเล่นไม่ไหว แถม ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ก็ยังเจ็บระหว่างเกมอีก ทำให้เกมรับในวันนั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสภาพเลวร้ายมากๆ ก่อนที่ “ปีศาจแดง” จะแพ้ไป 1-4
ที่จริงหลังจากจบเกมนั้น เฟอร์กูสัน ยังยื่นข้อเสนอให้ พรูนิเย่ร์ ได้ลองทดสอบฝีเท้ากับทีมเพิ่มด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธข้อเสนอนั้นแล้วตัดสินใจไปหาโอกาสกับที่อื่น ทำให้เขาได้ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเพียง 2 เกมเท่านั้น
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น