อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นถึงทีมสปิริตที่สุดแข็งแกร่ง หลังจากเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่เกือบครึ่งชั่วโมงแรก แต่สามารถสู้ฟัดกับ เชลซี ได้อย่างสนุกสูสี แถมยังสามารถไล่ตีเสมอ “สิงห์บลูส์” ถึงสองครั้งสองครา ในศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์
1) ปัญหาคู่เซนเตอร์ปืนใหญ่
ชโคดราน มุสตาฟี กับ ดาวิด ลุยซ์ จับคู่กันประสานงานในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กในเกมนี้และเป็นเกมที่ทั้งคู่จับมือกันทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง
จนมีส่วนกับการทำให้ ลุยซ์ ตัดสินใจเข้าอัด แทมมี อับราฮัม จากด้านหลังในกรอบเขตโทษทำให้เจ้าตัวถูกไล่ออก เสียลูกจุดโทษ และเสียประตูในช็อตดังกล่าว จังหวะการคืนบอลที่ขาดน้ำหนักของ มุสตาฟี่ ทำให้ แทมมี่ อบราฮัม ฉกบอลลากเข้าไปในเขตโทษ และนั่นเป็นสาเหตุให้ ดาวิด ลุยซ์ จำเป็นต้องหยุด หัวหอกดาวรุ่งดีกรีทีมชาติอังกฤษ ด้วยการทำฟาลว์ ส่งผลนำไปสู่การเสียจุดโทษ แถมยังแย่ยิ่งกว่านั้นเมื่อ แข้งบราซิเลียนโดนใบแดงไล่ออกอีกต่างหาก
นับเป็นอีกครั้งที่คู่แนวรับของ ไอ้ปืนใหญ่ ไม่สามารถไว้วางใจในเกมรับได้และดูเหมือนว่าการเสริมทัพในจุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องพิจารณาเป็นเร่งด่วนอันแรกในช่วงท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมนี้
2) สิงห์บลูส์ บุกเพลินจนลืมหลังบ้าน
หลัง ดาวิด ลุยซ์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปในนาทีที่ 26 นั้น พลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม เป็นฝ่ายได้ครองบอลบุกเข้าใส่อยู่ข้างเดียว จนเริ่มต้นครึ่งหลัง อาร์เตต้า ที่แก้เกมมาโดยให้ลูกทีมถอยลงไปตั้งรับ ให้ เชลซี เปิดพื้นที่ด้านหลังแล้วค่อยหาจังหวะโต้กลับ
ซึ่งนั่นคือที่มาของประตูตีเสมอ 1-1 บรรดานักเตะ เชลซี โถมกันขึ้นไปข้างหน้าหมด ทิ้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไว้ในแดนเพียงคนเดียว แถมยังโชคร้ายที่เจ้าตัวดันไปลื่นจังหวะสะกัดเสียอีก ซึ่งนั่นเองคือประตูจุดประกายความหวังของ ทีมปืนใหญ่ ในค่ำคืนนี้อย่างแท้จริง
3) พื้นที่ท็อปโฟร์เปิดกว้าง
ตอนนี้อันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้ายที่จะคว้าตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเปิดกว้างให้กับ เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วูล์ฟแฮมป์ตัน รวมถึง สเปอร์ส ด้วย โดยเฉพาะการที่ “สิงห์บลูส์” ทำแต้มหลุดมือ 2 เกมล่าสุดทั้งแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และเสมอ อาร์เซน่อล ทำให้เก็บได้เพียง 40 คะแนน
ฉะนั้นเป็นโอกาสที่ดีพวกที่ตามหลังจะทำแต้มไล่ทาบเชลซี ดูแล้วศึกนี้คงมียืดเยื้อไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็เป็นได้ ว่าทีมไหนจะคว้าตั๋วแชมเปี่ยนส์ลีกใบสุดท้ายไปครอง
4) สิงบลูส์ต้องการหน้าเป้าบิ๊กเนม
เชลซีสร้างโอกาสได้มากถึง 19 ครั้ง ยิงเข้ากรอบไป 8 ครั้ง และเปลี่ยนเป็นประตูได้เพียง 2 ลูกเท่านั้น บ่งบอกให้ถึงว่าเกมรุกไร้ความเฉียบคม ใช้โอกาสเปลืองมาก ยิงทิ้งยิงขว้างไปซะหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเชลซีในซีซั่นนี้มาโดยตลอด สปอร์ตพูล
ฉะนั้น แลมพาร์ด ต้องการหัวหอกชั้นยอดแบบโป้งปิดบัญชี เพื่อมาแก้วิกฤติการยิงประตูให้กับทีม ซึ่งชื่อของ เอดิสัน คาวานี่ กลายเป็นตัวเลือกเป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้ เพราะมีศักยภาพในการถล่มประตู พร้อมทั้งประสบการณ์มากมาย สามารถประคับประคอง และเป็นตัวอย่างให้ แทมมี่ อบราฮัม และ มิชี่ บาตชูอายี่ ได้เรียนรู้วิธีการจบสกอร์ที่เด็ดขาดด้วย
5) มาร์ติเนลลี่ เพชรเม็ดใหม่ของปืนใหญ่
กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ อายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น และได้ลงเล่นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเพียง 5 เกม แต่ฟอร์มในเกมดาร์บี้แมตช์กรุงลอนดอน เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้เล่นเหลือเกิน กล้าเล่น และมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยในจังหวะที่เจ้าตัวลากบอลทะลุเข้าไปในเขตโทษของ เชลซี แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความมั่นใจ และรวดเร็วอย่างมาก แถมยังเลี้ยงบอลได้ติดเท้า และจบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด
ฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ อาร์เตต้า จะให้โอกาส ดาวยิงเลือดแซมบ้า ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพให้มากยิ่งขึ้น
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น