เขาคือ อดีตเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ “บัลลงดอร์” ประจำปี 2004 สุดยอดดาวยิงหมายเลข 1 ตลอดกาลของ ยูเครน และ เป็นหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดเท่าที่ เอซี มิลาน เคยมีมาด้วย
อังเดร มิโคลาโยวิช เชฟเชนโก้ เกิดเมื่อวันที่ 29 กันยายน ปี 1976 ที่ ดิเวอร์เคียฟสชีน่า, ยูเครนเนียน, สภาพโซเวียตเดิม
เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งให้กับทีมเยาวชนของ ดินาโม เคียฟ ตั้งแต่อายุ 16 ในปี 1990 ร่วมทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีของดินาโม เคียฟ มาลงแข่งขันฟุตบอล “เอียน รัช คัพ” ที่ประเทศเวลส์ และเขาก็ได้ตำแหน่งดาวซัลโวของการแข่งขัน ได้รางวัลเป็นรองเท้าของ เอียน รัช นักเตะกองหน้าระดับตำนานของลิเวอร์พูล โดยที่ รัช มามอบรางวัลให้ด้วยตนเอง
ตลอดช่วงเวลา 6 ปี ที่ค้าแข้งกับ ดินาโม เคียฟ 1994-1999 เชฟเชนโก้ สร้างชื่อกระฉ่อนสั่นสะท้านไปทั่วทวีปยุโรปด้วยการเดินหน้าไล่ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกํา พาดินาโมเคียฟกวาดแชมป์ลีกยูเครน 5 สมัยติด! รวมไปถึงคว้าแชมป์บอลถ้วยในประเทศนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ เชว่า ยังพา ดินาโม เคียฟ ทะลุเข้ารอบลึกๆเสมอในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก แม้ว่าสุดท้ายจะไปไม่ถึงดวงดาวก็ตาม โดยเฉพาะการทำ แฮตทริก ใส่บาร์เซโลน่า ที่คัมป์ นู นั่นคือครั้งแรกที่ทั่วยุโรปได้เห็นความมหัศจรรย์ ของนักเตะที่ชื่อว่า อังเดร เชฟเชงโก้ ในวัยเพียง 18 ปี
หลังจากสร้างชื่อกระฉ่อนจนเป็น”ซุปตาร์” ทำให้เชว่า ถูก เอซี มิลาน ทีมโครตมหาอํานาจลูกหนังของอิตาลีในช่วงเวลานั้น ได้คว้าตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัวสูงถึง 21.52 ล้านปอนด์ (884.44 ล้านบาท)
ภายใต้ เสื้อหมายเลข 7 เชฟเชนโก้ กลายเป็นตํานานที่มิลานต้องจารึกชื่อบนหน้าประวัติศาตร์ของสโมสรเลยทีเดียว ตลอด 8 ปี 7 ฤดูกาล “เชว่า” เดินหน้าถล่มประตูเป็นกอบเป็นกํา พามิลานประกาศศักดาไปทั่วยุโรปเลยทีเดียว
ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ และเหล่านักเตะอัจฉริยะมากมายทั้ง เปาโล มัลดินี่,
อเล็กซานโดร เนสต้า, รุย คอสต้า, ฟิลิปโป้ อินซากี้, คาเรน เซดอฟ ไหนจะตัวสํารองระดับเทพอย่าง ยอร์ดาน โทมัสสัน ส่งผลให้ เอซีมิลาน เดินหน้าประกาศศักดาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ได้สําเร็จในปี 2003 ด้วยการเอาชนะ ยูเวนตุส ทีมคู่แข่งในนัดชิง ในช่วงดวลจุดโทษ
โดยนอกจากแชมป์ยุโรปแล้วในปีนี้ มิลาน ยังสมารถคว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย(บอลถ้วยของอิตาลี) ได้อีกด้วย และตามด้วยการคว้า สคูเด็ตโต้ (แชมป์ซีเรียอา) ในปี 2004 โดยในซีซั่นนี้ “เชว่า” โชว์ฟร์อมได้อย่างโดดเด่นเกินห้ามใจ และคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจําปีของยุโรป หรือที่เรียกกันว่า “บัลลง ดอร์” ได้อีกด้วย ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ของยูเครนที่ได้รางวัลนี้ต่อจาก โอเล็ก บล็อกกิ้น และ อิกอร์ เบลานอฟ
ถัดมาใน ฤดูกาล 2004/2005 มิลานยังคงเดินหน้าทําผลงานได้อย่างน่าประทับใจในถ้วยยุโรปจนสามารถเดินหน้าเข้าชิงได้อีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันกับกลายเป็น ฝันร้ายของเชว่า
และ มิลาน อย่างแท้จริง ทั้งๆที่ มิลาน เหนือกว่า ลิเวอร์พูล ทีมคู่แข่งในนัดชิง อย่างมาก แถมยังนําห่าง ลิเวอร์พูล ถึง 3-0 จาก 2 ประตูของ เฮอร์นาน เครสโป และ 1 ประตูจาก เปาโล มัลดินี่ แต่กลับโดน ลิเวอร์พูล ทีมรองบ่อนไล่ตามตีเสมอไป 3-3 ก่อนจะแพ้ในช่วงดวลจุดโทษอย่างน่าเจ็บปวด
ต่อมาในฤดูกาล 2005/2006 แม้ “เชว่า” จะโชว์ฟร์อมได้อย่างน่าประทับใจแต่ก็ไม่อาจพา มิลาน มีถ้วยแชมป์ติดมือได้ …หลังจบฤดูกาลนี้ “เชว่า” ต้องเจอกับฝันร้ายที่เขาคาดไม่ถึงเมื่อเขาตัดสินใจย้ายไป เชลซี ทีมยักใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ทิ้งผลงาน 322 เกมส์ 175 ประตู ในเกม เซเรีย อา 1 สคูเด็ดโต้ 1 แชมปยุโรป 1 โคปาอิตาเลีย ไว้กับ มิลาน
ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ที่ “เสียหมี” โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซี ประเคน ให้กับ มิลาน เพื่อสู่ขอ เชฟเชนโก้ กลายเป็นการ “ตํานํ้าพริกละลายแม่นํ้า” อย่างแท้จริงเมื่อ “เชว่า” ไม่ใช่ คนเดิมอีกต่อไป ความเร็ว และ ทักษะเหนือมนุษย์ทั่วไปที่เขาเคยมีได้หายไปซะแล้ว
แถมยังโดนอาการบาดเจ็บเข้าซ้ำอีกหลายครั้ง และ ต้องเป็นตัวสํารองของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา สถานการณ์ ของ “เชว่า” ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก โดยตลอด 4 ปีกับเชลซี 2006-2009 เชฟเชนโก้ ลงสนามไป 48 นัดยิงได้เพียง 9 ประตูจากเกมส์พรีเมียร์ลีก และร่วมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ อย่างละ 1 สมัยในปี 2007
ในปี 2009 เชฟเชนโก้ ย้ายกลับมาเล่นในสโมสรช่วงเยาว์วัยที่ ดินาโม เคียฟ และโชว์ฟร์อมได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียวโดย “เชว่า” ยิงไป 23 ประตูจาก 55 เกมลีก จากตลอด 4 ปีสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง
โดย เชว่า ได้ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2012 และ ปัจจุบันเชฟเชนโก้ ทำหน้าที่เทรนเนอร์ให้กับ ทีมชาติยูเครน บ้านเกิดของเขาอยู่นั้นเอง ราคาบอล
ในนามทีมชาติ อังเดร เชฟเชนโก้ คือตํานานเบอร์ 1 อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยผลงาน 48 ประตู จาก 111 นัด ในช่วงปี 1995-2012 เป็น สถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติยูเครน รอให้คนรุ่นหลังมาทําลาย
โดยตลอดช่วงเวลกับทีมชาตินั้น แม้ ยูเครน ของ “เชว่า” จะไม่ค่อยประสบความสําเร็จเท่าใดนัก แต่ เชว่า ก็ทําผลงานได้อย่างน่าประทับใจเสมอ โดยเฉพาะ ในฟุตบอลโลก 2006 ที่ เชว่า ยิงประตูแบกทีมไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้อิตาลีไปอย่างน่าเสียดาย
นี่คือเรื่องราวที่แสนมหัศจรรย์เรื่องนึงของวงการลูกหนัง อังเดร เชฟเชนโก้ ดาวยิงจอมถล่มประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนังอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยผลงานการถล่มประตูของเขาที่ยังคงเป็นกล่าวขวัญมาจนถึงทุกวันนี้ !
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น