จูด เบลลิงแฮม เด็ก 17 ปีที่ค่าตัวพันล้าน


จูด เบลลิงแฮม แข้งดาวโรจน์ชาวอังกฤษวัย 17 ปีตัดสินใจย้ายมาพัฒนาตัวเองและแสวงหาความท้าทายในอาชีพค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ทีมดังของเยอรมันที่พร้อมผลักดันผู้เล่นอายุน้อยขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ถ้าหากฝีเท้าดีพอ

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปิดดีลคว้าตัว จูด เบลลิงแฮม ดาวรุ่งวัย 17 ปี จาก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ไปร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ หรือประมาณเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุ 17 ปีที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์ของลีกเมืองเบียร์ และดีลนี้ยังเป็นการตัดหน้าทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หมายปองในตัวของดาวรุ่งคนนี้อีกด้วย

แน่นอนว่าการเซ็นสัญญากับ เบลลิงแฮม ทำให้แฟนๆทีมเสือเหลืองจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าหนุ่มจูดเป็นใคร? มาจากไหน? เหตุใดสโมสรจึงยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อเด็กคนนี้?

จูด เบลลิงแฮม เกิดที่สตอร์บริดจ์, เวสต์ มิดแลนด์ส เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2003 เขาเป็นลูกชายคนโตของ มาร์ค เบลลิงแฮม นายตำรวจเขต เวสต์ มิดแลนด์ส และมีดีกรีเป็นดาวซัลโวของลีกสมัครเล่นที่มีการบันทึกว่ายิงถึง 700 ประตู น้องชายของหนุ่มจูด ชื่อ โจบี้ เป็นหนึ่งในสมาชิกของอะคาเดมี่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เช่นเดียวกัน


หนุ่มจูดเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในอะคาเดมี่ของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เขาเล่นกับทีมยู-8 ปี ก่อนก้าวกระโดดขึ้นมาเล่นทีมยู-18 ตอนอายุเพียง 14 ปี และลงประเดิมสนามกับทีมยู-23 ตอนอายุ 15 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2018 ในเกมเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ โดยเป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ก่อนจะทำประตูชัยให้ทีมในช่วงนาที 87

เบลลิงแฮม ขยับขึ้นทีมชุดใหญ่ในอีก 2 ปีถัดมา เริ่มต้นด้วยการฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นที่ประเทศโปรตุเกส เขาลงสนามและยิงประตูในเกมอุ่นเครื่องและได้รับเสื้อแข่งหมายเลข 22 ลงเล่นฤดูกาล 2019-2020

ก่อนหนุ่มจูดจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นกับสโมสรเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2019 ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับ 38 วัน ทำลายสถิติเดิมของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ที่เคยลงสนามด้วยอายุ 16 ปีกับ 139 วันในปี 1970 เมื่อเขาออกสตาร์ทในเกม อีเอฟแอล คัพ รอบแรก นัดเยือนถิ่น พอร์ทสมัธ เขาลงเล่น 80 นาทีในเกมพ่ายทีมปอมปีย์ 0-3 แต่ ‘เบอร์มิงแฮม เมล’ สื่อท้องถิ่นยกให้เขาเป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์”


เบลลิงแฮม ลงเล่นเกมลีกครั้งแรกในอีก 19 วันต่อมา ฐานะตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังของเกมเยือนถิ่น สวอนซี ก่อน เบอร์มิงแฮม จะพ่าย 0-3 จากนั้นหนุ่มจูดได้ลงเล่นในถิ่น เซนต์ แอนดรูว์ ครั้งแรกในเกมรับมือ สโต๊ค ซิตี้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดยลงสนามฐานะสำรองหลังเกมผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง

แทน เจฟเฟร์ซอน มอนเตโร่ ที่บาดเจ็บระหว่างเกม และยิงประตูให้ เบอร์มิงแฮม จากที่เป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 แซงชนะทีมช่างปั้นหม้อ 2-1 พร้อมสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูกับ เบอร์มิงแฮม ด้วยวัย 16 ปีกับ 63 วัน

เขาออกสตาร์ทครั้งแรกในเกมเยือน ชาร์ลตัน แอธเลติก ในอีก 2 สัปดาห์ถัดมาและทำประตูเดียวของเกมจากการผ่านบอลมาให้ของ เคริม เอ็มรับตี้


นับจากนั้นหนุ่มจุดมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม แบบต่อเนื่อง บางครั้งลงเล่นฐานะสำรอง แต่ส่วนใหญ่จะออกสตาร์ทตัวจริง เขาเริ่มต้นเล่นตำแหน่งปีกซ้ายก่อนปรับย้ายมาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขาเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นและมีบทบาทกับทีมมากขึ้นเมื่อสตาฟฟ์โค้ชมั่นใจว่าหนุ่มจูดสามารถรับมือกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได้

เขากลายเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนของ อีเอฟแอล โดยรางวัลดังกล่าวเป็นการวัดจากผลงานของนักเตะเยาวชนทั้งใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ, ลีก วัน และ ลีก ทู ไม่ได้มอบให้เฉพาะนักเตะในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพียงลีกเดียว


เบลลิงแฮม ยังได้ลงเล่นตัวจริงต่อเนื่องจนกระทั่งฤดูกาลจะหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ซึ่งเขาลงเล่นเกมลีก 31 เกมและออกสตาร์ทถึง 24 นัด ทำ 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ก่อนจะกลับมารีสตาร์ทซีซั่นในช่วงเดือนมิถุนายน

เขาจบฤดูกาลด้วยการลงเล่นทุกรายการ 44 เกม ซึ่งเป็นการลงเล่นบนเวทีแชมเปี้ยนชิพ 41 นัดพร้อมมีส่วนช่วย เบอร์มิงแฮม รอดพ้นการตกชั้น ราคาบอลไหล

เบลลิงแฮม เป็นนักเตะประเภทห้องเครื่องที่พร้อมจะวิ่งยังกรอบเขตโทษของฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง โดยจนถึงตอนนี้เขามีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้าในลีก 76.2 เปอร์เซ็นต์, มีจังหวะผ่านบอลสำคัญเฉลี่ย 0.5 ครั้งต่อนัด และผ่านบอลระยะยาวเข้าเป้า 1.1 ครั้งต่อเกม


ในด้านเกมรับ เบลลิงแฮม ถือว่าทำได้น่าประทับใจ หลังจากมีค่าเฉลี่ยสกัดโดนบอล 2.1 ครั้งต่อเกม จากจังหวะพยายามเข้าสกัด 3 ครั้งต่อนัด และตัดบอลโดยที่ไม่ต้องพุ่งเสียบได้ 0.8 ครั้งต่อเกมด้วยกัน ส่วนสถิติด้านการทำฟาวล์นั้น เขาโดนจับฟาวล์เฉลี่ย 1.1 ครั้งต่อเกม และจนถึงตอนนี้ก็โดนใบเหลืองไป 2 ใบ

ในด้านเกมรับ เบลลิงแฮม ถือว่าทำได้น่าประทับใจ หลังจากมีค่าเฉลี่ยสกัดโดนบอล 2.1 ครั้งต่อเกม จากจังหวะพยายามเข้าสกัด 3 ครั้งต่อนัด และตัดบอลโดยที่ไม่ต้องพุ่งเสียบได้ 0.8 ครั้งต่อเกมด้วยกัน ส่วนสถิติด้านการทำฟาวล์นั้น เขาโดนจับฟาวล์เฉลี่ย 1.1 ครั้งต่อเกม และจนถึงตอนนี้ก็โดนใบเหลืองไป 2 ใบ





เบลลิงแฮม เซ็นสัญญา 5 ปีกับ ดอร์ทมุนด์ รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 60,000 ปอนด์ ซึ่งคาดว่า ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ทีมเสือเหลืองจะส่งแข้งดาวรุ่งชาวอังกฤษลงเล่นมิดฟิลด์คู่กลางกับ อักเซิล วิตเซล หรือ เอ็มเร่ ชาน ในระบบ 3-4-3 ขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มจากเบอร์มิงแฮมจะสามารถแจ้งเกิดตามรอยรุ่นพี่อย่างหนุ่มเจดอนหรือไม่เท่านั้น





เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
























ความคิดเห็น