ย้อนรอยเกมพรีเมียร์ลีก 2015 : เลสเตอร์ 5-3 แมนฯ ยูไนเต็ด

 
ศึกพรีเมียร์ลีก นัดที่ 5 ของทั้งสองทีม “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแมตช์นี้คือ ถ้าหาก “ปีศาจแดง“ สามารถคว้าอย่างน้อยๆ 1 คะแนน พวกเขาจะมีแต้มมากกว่า ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งสะดุดหัวทิ่มไป แต่พวกเขากลับขว้างโอกาสเก็บชัยชนะทิ้งไปที่เลสเตอร์ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายขึ้นนำด้วยประตูห่าง 2 ลูกถึง 2 ครั้ง


หลุยส์ ฟาน กัล ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากเกมที่เอาชนะคิวพีอาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่ง ราดาเมล ฟัลเกา ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน ฮวน มาต้า ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้ลงเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำแทน มาต้า เพลย์เมคเกอร์ชาวสเปน แผงแบ็คโฟร์ยังคงใช้ชุดเดิม นั่นหมายความว่า ลุค ชอว์ ยังต้องรอโอกาสประเดิมสนามอย่างเป็นทางการในชุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อไป


ทีมปีศาจแดงเริ่มต้นด้วยการเปิดเกมบุกเข้าใส่ และในนาทีที่ 10 แคสเปอร์ ชไมเคิล ก็ได้ออกแรงเซฟครั้งแรก จากลูกจ่ายทะลุช่องของ ดิ มาเรีย บอลมาถึง ฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งเขาก็ยิงไปติดตัวผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก


แต่หลังจากนั้นศูนย์หน้าชาวดัตช์ก็ไม่พลาดอีกในการยิงลูกแรกของฤดูกาลสำหรับตัวเขาเอง ฟัลเกาลากบอลหนี ริทชี่ เดอ เลท ทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะครอสข้ามฟากมาให้ ฟาน เพอร์ซี่ โขกแฉลบหัวไหล่ เลียม มัวร์ ผ่านมือชไมเคิลเข้าไปในนาทีที่ 13 ฉลองประตูกันไปไม่นานก็มีอีกประตูจาก ดิ มาเรีย ปีกชาวอาร์เจนตินาได้บอลจากรูนี่ย์ ก่อนที่จะจัดการยกบอลด้วยเท้าซ้ายข้ามหัวชไมเคิลเข้าประตูไปแบบสุดสวย


อย่างไรก็ตาม เจ้าถิ่นก็มาทวงประตูคืนได้อย่างรวดเร็วเมื่อนำบอลมาเขี่ย วาร์ดี้ครอสบอลจากสุดเส้นหลังทางฝั่งขวาที่ดูเหมือนว่าจะออกไปแล้ว เเละเป็น อูยัว ที่สอดหาช่องว่างระหว่าง จอนนี่ อีแวนส์ และ ราฟาเอล ดา ซิลวา โขกผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไป


หลังจากนั้นก็เป็นแมนฯ ยูไนเต็ดที่บุกกดดันเลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ตลอดจนจบครึ่งแรก มาร์กอส โรโฮ เองก็ได้โอกาสอยู่เหมือนกันจากการเติมขึ้นมาโขกลูกเตะมุมในกรอบ 6 หลา แต่บอลก็ข้ามคานออกไป


นาที 41 ดิ มาเรีย ได้โดนยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษ เป็นทาง เวส มอร์แกน หวดตูมเดียวแต่บอลผิดเหลี่ยมเกือบเข้าประตูตัวเอง นาที 45 ดิ มาเรีย ได้โยนอีกครั้งเป็นทาง ฟัลเกา พร้อมโฉบมาโหม่งแต่น่าเสียดายที่เข้าไม่ถึงในจังหวะสุดท้าย และทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที จบครึ่งแรก! เลสเตอร์ ซิตี้ โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมานำด้วยสกอร์ 1-2


เริ่มครึ่งหลังมาในนาที 49 ราดาเมล ฟัลเกา ได้ซัดย้อยๆในกรอบเขตโทษ บอลผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แต่ดันไปชนคาน พลาดโอกาสพา แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย


อย่างไรก็ตาม ทีมปีศาจแดงก็ทิ้งห่างเป็น 3-1 จนได้ในนาทีที่ 57 ดิ มาเรีย ได้ลองส่องไกล และเอร์เรร่าก็ไขว้บอลเปลี่ยนทางหนีมือผู้รักษาประตูเลสเตอร์เข้าไปตุงตาข่าย



แต่นาทีที่ 62 ประตูนำห่าง 2 ลูกก็มาถูกลดช่องว่างลงไปเมื่อผู้ตัดสิน มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก มองว่าราฟาเอลไปทำฟาวล์ใส่วาร์ดี้ในกรอบเขตโทษ ทั้งที่เมื่อ 9 วินาทีก่อนหน้านี้ แบ็คขวาชาวบราซิลถูกนักเตะหมายเลข 9 ของเลสเตอร์กระแทกล้มลงไปแล้วไม่ได้ฟาวล์ เดวิด นูเจนท์ รับหน้าที่สังหารผ่านมือ เด เคอา เข้าไป ช่วยให้ เลสเตอร์ ตามมาอีกครั้งเป้น 2-3


เจ้าถิ่นตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น กองหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ วิ่งมาซัดแถมสองเต็มข้อ บอลผ่าน ดาบิด เด เคอา หายเข้าไปกองที่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม


และสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมเมื่อทีมปีศาจแดงถูกตัดบอลในฝั่งของเลสเตอร์ และเป็น เจมี่ วาร์ดี้ หลุดเดียวเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ ดาบิด เด เคอา ก่อนจะยิงเล่นทางเข้าไปช่วยให้ เลสเตอร์ ออกนำ “ปีศาจแดง” เป็นครั้งแรก 4-3


นาที 83 เจมี่ วาร์ดี้ ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่ เทย์เลอร์ แบล็คเก็ต จะมาเข้าสกัดจากทางข้างหลัง ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ เลโอนาร์โด้ อูยัว รับหน้าที่สังหารไม่พลาด “จิ้งจอกสยาม” ทะยานขึ้นนำห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ออกไปเป็น 5-3 นาที 90 ทดเวลาบาดเจ็บ 6 นาที หมดเวลาการแข่งขัน! เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ทุบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดมันส์ 5-3



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


เลสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ริทชี่ เดอ เลต, เลียม มัวร์, เวส มอร์แกน, พอล คอนเชสกี้, ดาเนียล ดริงค์วอเตอร์, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่, ดีน แฮมมอนด์, เจมี่ วาร์ดี้, เดวิด นูเจนท์, ลีโอนาโด้ อูยัว


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-3-1-2) : ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล, จอนนี่ อีแวนส์, เทย์เลอร์ แบล็คเก็ต, มาร์กอส โรโฮ, อันเดร์ เอร์เรร่า, ดาร์ลี่ย์ บลินด์, อังเคล ดิ มาเรีย, ราดาเมล ฟัลเกา, เวย์น รูนี่ย์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่










เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
























































































ความคิดเห็น