ใครจะไปคิดว่า ฝรั่งเศส เต็งหนึ่งแชมป์ยูโร 2020 และแชมป์ฟุตบอลโลกล่าสุด จะโบกมือลาทัวร์นาเมนต์นี้ไปไวเกินคาด เมื่อพ่ายดวลจุดโทษต่อ สวิตเซอร์แลนด์ 4-5 หลังเสมอกันใน 120 นาที แบบสุดมันส์ 3-3 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
1) แนวรับตราไก่หละหลวม
แมตช์นี้ ฝรั่งเศส แสดงให้เห็นตั้งแต่ต้นเกมแล้วว่าพวกเขามีปัญหาในการรับมือกับลูกโด่งของสวิตเซอร์แลนด์ และยังปล่อยพื้นที่ให้ผู้เล่นจากแดนนาฬิกาได้เล่นสบายๆ บริเวณหน้าประตูหลายต่อหลายครั้ง
เดส์ชองส์ เลือกใช้แผนแนวรับ 3 คนโดยส่ง ราฟาแอล วาราน, เปรสแนล คิมเป็มเบ้ และ เกลม็องต์ ล็องช์เล่ต์ ยืนคุมเกม แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์นี้จะไม่ได้ผลกับการสู้กับผู้เล่นที่กองหน้าสูงใหญ่อย่างสวิส
จังหวะที่เสียประตูแรกจะเห็นว่า ล็องช์เล่ต์ ไม่สามารถจัดการกับ ฮาริส เซเฟโรวิช ในจังหวะขึ้นโหม่ง ในขณะเดียวกัน แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ก็เจอความคล่องตัวของ สตีเว่น ซูเบอร์ กระชากหนีจนทำให้ต้องทำฟาวล์เสียจุดโทษ แต่ดวงเฮงที่ อูโก้ โยริส เซฟลูกยิงของ ริคาร์โด้ โรดริเกซ
ประตูที่ สวิส ยิงตีตื้น 2-3 ก็เป็นอีกครั้งที่แนวรับของ ฝรั่งเศส จัดการกับลูกโด่งได้ไม่ดีพอทำให้ เซเฟโรวิช สอดเข้ามาโหม่งได้สบายๆ ส่วนจังหวะตีเสมอ มาริโอ กาฟราโนวิช โยกหนี คิมเป็มเบ้ ก่อนยิงเข้าไป
2) เซเฟโรวิช โชว์ของ
ดาวเตะวัย 29 ปี ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเล่นให้เบนฟิก้า โดยซัดไป 25 ประตูเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนการเล่นในนามทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ตอนนี้เจ้าสะสมตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 24 ประตูเรียบร้อยแล้ว
สำหรับประตูเบิกร่องที่ทำให้ สวิส ขึ้นนำต้องบอกว่าเป็นจังหวะการขึ้นโหม่งที่สมบูรณ์แบบของเขาจริงๆ ชนิดที่ ล็องเล่ต์ ที่ตามประกบเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ส่วนอีกประตูมาจากสัญชาตญาณหน้าเป้าล้วนที่วิ่งเข้าสอดระหว่างแนวรับฝรั่งเศส ก่อนโหม่งสบายๆ
แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นแบบนี้คงทำให้ เซฟาโรวิช ต้องเตรียมตัวเจอเรื่องสำคัญหลังจบศึกยูโร 2020 เพราะคงมีหลายสโมสรที่พร้อมจะยื่นข้อเสนอเพื่อหวังดึงตัวเขาไปทำหน้าที่หน้าเป้าชั้นดีในฤดูกาลหน้า
3) ป็อกบามีทั้งดีและร้าย
สำหรับแมตช์นี้ ปอล ป็อกบา โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากๆ โดยเขาทำหน้าที่ในการคุมแดนกลาง และคอยขับเคลื่อนเกมรุกให้กับฝรั่งเศส แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมต้องตกรอบ!
ป็อกบา เล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คอยทำหน้าที่เก็บกวาดในแผงมิดฟิลด์ โดยเขามีอิสระในการเล่นเกมรุกอย่างเต็มที่ และมีหลายครั้งที่ผ่านบอลสวยๆ ช่วยทำให้ทีมมีลุ้นทำประตู
กองกลางจากค่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำหน้าที่เชื่อมเกมรุกได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังยิงประตูที่สวยสดงดงามส่งให้ทัพ “ตราไก่” เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มีสกอร์หนีห่าง สวิตเซอร์แลนด์ 3-1
อย่างไรก็ตาม ป็อกบา ดันเล่นประมาทเกินไปในแดนกลางช่วงนาทีสุดท้ายของเวลาปกติ ทำให้พลาดเสียบอล และโดน กรานิต ชาคา แทงบอลให้ มาริโอ กาฟราโนวิช จัดการซัดประตูกู้ชีพให้สวิสได้อย่างเหลือเชื่อ แต่โดยรวมแล้ว ป็อกบา ทำผลงานได้ดีจริงๆ ในเกมนี้ โดยสถิติแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ลากเลื้อยพาบอลผ่านนักเตะคู่แข่งมากสุดในเกมนี้ (5 ครั้ง)
4) ชาคา โชว์ฟอร์มเทพ
ภาพจำผลงานของ กรานิต ชาคา กับ อาร์เซน่อล ติดในแง่ลบมาตลอด ทำให้หลายคนมองว่าเขาไม่น่าจะช่วย สวิตเซอร์แลนด์ ได้มากนัก แต่ผิดถนัดเพราะในทัวร์นาเมนต์นี้ ดาวเตะพันธุ์ดุ โชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในเกมกับ ฝรั่งเศส
ชาคา ทำหน้าที่ในแดนกลางได้อย่างโดดเด่น เขาสู้กับ ป็อกบา และ ก็องเต้ ได้อย่างสูสี คอยตัดเกมคู่แข่ง และยังมีจังหวะที่ช่วยสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วทีมได้ด้วย แน่นอนว่านี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดของเจ้าตัวในการสู้กับทีมที่มีแผงกองกลางที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
มีหลายจังหวะที่ ชาคา ช่วยทำลายเกมบุกของ ฝรั่งเศส ส่วนจังหวะที่ทำให้โลกต้องจดจำคงหนีไม่พ้นการที่เขาแทงบอลสุดคมกริบให้กับ มาริโอ กาฟราโนวิช หลุดเข้าไปซัดประตูตีเสมอ 3-3 ในช่วงนาทีสุดท้ายของเวลาปกติ
5) เอ็มบั๊ปเป้ คนเดิมหายไปไหน?
เอ็มบัปเป้ คือแข้งความหวังของ “ตราไก่” ก่อนที่ยูโร 2020 จะเปิดฉาก แต่เมื่อถึงเวลาเขากลับไม่สามารถงัดฟอร์มเทพเหมือนที่เล่นให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หรือตอนที่ช่วย ฝรั่งเศส คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2018 ได้เลย
ในแมตช์นี้หากมองจากชื่อชั้นของแนวรับ สวิตเซอร์แลนด์ แล้วมีโอกาสสูงที่ เอ็มบัปเป้ จะได้โชว์ของ แต่กลายเป็นว่าเขาเล่นไม่เด่นเลย แม้จะมีส่วนกับการได้ประตูตีเสมอ 1-1 และประตูขึ้นนำ 2-1 แต่การจบสกอร์ของเจ้าตัวน่าผิดหวังสิ้นดี
นอกจากนี้ เอ็มบัปเป้ ยังมีโอกาสหลุดเข้าไปยิงประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ก็ดันตะบันออกข้างไปแบบไม่มีลุ้น และที่น่าเศร้าเข้าไปอีกก็คือเจ้าตัวเป็นคนสุดท้ายที่ยิงจุดโทษและไม่เข้า
บทสรุปในทัวร์นาเมนต์นี้่ของ เอ็มบัปเป้ บอกเลยว่ามีแต่ช้ำกับช้ำ เพราะยิงประตูไม่ได้เลยแถมทำได้แค่ 1 แอสซิสต์เท่านั้น
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น