เจาะ 5 ข้อ อังกฤษทุบเยอรมันร่วง ทะลุเข้ารอบ 8 ทีม


ตอนนี้คงไม่มีแฟนบอลชาติไหนจะแฮปปี้เท่ากับคนอังกฤษอีกแล้ว เพราะพวกเขาได้เห็นทีมชาติเอาชนะ เยอรมนี คู่อริตลอดกาลได้สำเร็จ และยังเป็นการเขี่ย “อินทรีเหล็ก” ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูโร 2020 ด้วย ในเกมเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา



1) สเตอร์ลิง ฮีโร่ของคนอังกฤษในตอนนี้


ตอนนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง กลายเป็นตัวความหวังของแฟนบอลชาวอังกฤษไปแล้ว หลังจากที่เขาทำหน้าที่ตะบันตาข่ายคู่แข่งให้กับทัพ “สิงโตคำราม” 3 ลูกมากที่สุด เหนือกว่า แฮร์รี่ เคน หัวหอกกัปตันทีมด้วยซ้ำ


ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะมองว่า สเตอร์ลิง มักจะพลาดโอกาสง่ายๆ หลายครั้ง แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงไว้วางใจให้เขาทำหน้าที่ไล่ล่าตาข่ายคู่แข่งต่อไป และในที่สุดเขาก็ตอบแทนความเชื่อมั่นของ “บอส” ได้อย่างสุดยอด


สเตอร์ลิง อาจจะไม่ใช่กองหน้าตัวจบสกอร์ที่เฉียบคม แต่เขาเป็นนักเตะที่มักจะหาพื้นที่ว่าง และมักจะยืนถูกที่ถูกเวลาเสมอ ซึ่งในเกมพบ “อินทรีเหล็ก” ก็เป็นอีกครั้งที่เขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการยิงประตู


แม้ตอนนี้ อังกฤษ ยังไม่ได้ก้าวไปไกลถึงแชมป์ยูโร ก็ตาม แต่สำหรับ สเตอร์ลิง นี่คือซัมเมอร์ที่สุดยอดของเจ้าตัว แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบก็น่าจะมีเหรียญแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ประดับบารมี



2) แฮร์รี่ เคน สลัดฝืดเสียที


หลายคนอาจจะรู้สึกผิดหวังที่ แฮร์รี่ เคน ไม่สามารถยิงประตูได้เลยในรอบแบ่งกลุ่ม แต่สำหรับสาวก “ทรี ไลอ้อนส์” เชื่อมั่นในตัวกัปตันทีมรายนี้ และมั่นใจว่าเขาจะยิงประตูได้อย่างแน่นอน และเกมนี้เขาก็ปลดล็อคได้สำเร็จ


ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก กองหน้าท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีโอกาสสัมผัสบอลแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และในช่วงท้ายครึ่งแรกเขาเกือบจะยิงประตูได้ แต่โดน มัตส์ ฮุมเมลส์ วิ่งเข้ามาสกัดได้แบบหวุดหวิด


อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง เคน มีบทบาทในเกมรุกมากยิ่งขึ้น และในที่สุดความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จเมื่อจัดการปลดล็อกตัวเองในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ด้วยการโหม่งประตูตอกฝาโลงดับ เยอรมนี


ตอนนี้ เคน น่าจะกลับมามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในศึกยูโร 2020 และในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แฟนบอลทีมชาติอังกฤษ อาจจะได้เห็นทีเด็ดของเขาเหมือนที่ทุกๆ คนเห็นกันบ่อยๆ ตอนเล่นให้ สเปอร์ส



3) ชอว์-กรีลิช ประสานงานได้อย่างลงตัว




ช่วง 45 นาทีแรกต้องยอมรับว่าแนวรุกของอังกฤษค่อนข้างตื้นตัน ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ในการเข้าทำมากนัก นอกจากจะเน้นการใช้ความสามารถเฉพาะตัวกับความเร็วของ สเตอร์ลิง เพื่อปั่นป่วนเกมรับ เยอรมนี


ในช่วงครึ่งหลังสถานการณ์ของ อังกฤษ ไม่ได้ดีขึ้น แถมยังโดน “อินทรีเหล็ก” กดดันอย่างหนัก จนกระทั่ง เซาธ์เกต เลือกเปลี่ยนแผนด้วยการส่ง แจ็ค กรีลิช ลงสนามในช่วงประมาณ 20 นาทีสุดท้าย และรูปเกมของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที


กรีลิช ช่วยให้เกมบุกของ อังกฤษ อันตรายมากยิ่งขึ้น และประตูแรกก็มาจากการประสานงานระหว่างเขากับ ลุค ชอว์ ก่อนที่จะผ่านบอลให้ สเตอร์ลิง จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ขณะที่จังหวะได้ประตูนำห่าง 2-0 แบ็กซ้ายแมนยู ก็ประสานงานกับ จอมทัพแอสตัน วิลล่า จากนั้นเขาก็ทำการแอสซิสต์ให้กับ เคน โหม่งเข้าประตู


สำหรับ ชอว์ ต้องบอกเลยว่าทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ โดยเกมรับก็เหนียวแน่น ส่วนเกมบุกก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง



4) เกมรับยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว



“เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” ประโยคนี้น่าจะแสดงให้เห็นถึงผลงานของ อังกฤษ ในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในศึกยูโร 2020 เนื่องจากยังเป็นชาติเดียวที่ไม่เสียประตู


สำหรับเกมรับของอังกฤษที่เหนียวแน่นแบบนี้ก็ต้องชื่นชม เซาธ์เกต โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กร่วมกับ จอห์น สโตนส์ ยิ่งทำให้แนวรับของ “สิงโตคำราม” เหนียวแน่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า


2 แนวรับจากเมืองแมนเชสเตอร์ สามารถรับมือกับเกมบุกของ เยอรมนี ได้เป็นอย่างดี โดยในรายงานของ สโตนส์ สามารถคุมจังหวะสำคัญในเกมรับได้เป็นอย่างดี และแทบไม่เสียบอลเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีจังหวะสุดยอดที่ป้องกันไม่ให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้ยิงประตูด้วย


ถ้าหาก อังกฤษ ยังคงมีเกมรับที่เหนียวแน่นแบบนี้ต่อไป คงเป็นเรื่องยากมากๆ ที่เกมรุกของคู่แข่งในรอบต่อไปของพวกเขาไม่ว่าจะเป็น สวีเดน หรือ ยูเครน คงยากที่จะเข้าไปวัดฝีมือของ จอร์แดน พิคฟอร์ด



5) เส้นทางสดใสสู่นัดชิง


อาจจะเป็นการยกย่องเกินไป แต่เมื่อมองดูจากโปรแกรมของ อังกฤษ แล้วต้องบอกเลยว่าพวกเขามีลุ้นที่จะทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020”


สำหรับเกมต่อไปพวกเขาจะเจอกับผู้ชนะระหว่าง สวีเดน กับ ยูเครน แน่นอนว่าหากมองจากศักยภาพในเวลานี้ ทัพ “สิงโตคำราม” แข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า ฉะนั้นแมตช์นี้คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่


ขณะเดียวกันหากมองไปสู่รอบรองชนะเลิศ คู่แข่งอังกฤษ อาจจะเป็น สาธารณรัฐเช็ก หรือ เดนมาร์ก ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองทีมค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ด้วยขุมกำลังกับความฮึกเหิมที่จะได้เล่นในเวมบลีย์ น่าจะทำให้ “สิงโตคำราม” สามารถผ่านไปได้


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่เพียงการคาดการณ์เท่านั้น เพราะมองจากผลงานและชื่อชั้นของ อังกฤษ มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะทะลุไปถึงนัดชิง แต่ขึ้นชื่อว่า “ลูกกลมๆ” ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้เสมอ








เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน























































ความคิดเห็น