แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 2 ของเชลซี


“สิงห์บลูส์” โชว์ฟอร์มสุดแกร่งหลังปราบเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอสตาดิโอ โด ดราเกา เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา จากประตูชัยของ ไค ฮาแวร์ทซ์ ส่งผลให้ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 2 ต่อจากปี 2012



1) เป๊ป วางแผนผิดพลาด


ถือเป็นอีกครั้งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วางแท็กติกสุดเซอร์ไพรส์ในการจัด 11 ตัวจริงลงสนามในแมตช์ที่สุดสำคัญแบบนี้ และแน่นอนว่าการวางแผนแบบนี้ถือเป็นความผิดพลาดมหันต์ของกุนซือชาวสแปนิชอย่างแท้จริง


โดยเฉพาะ แฟร์นันดินโญ่ กับ โรดรี้ สองนักเตะกำลังสำคัญถูกจับเป็นตัวสำรอง เพราะการที่ เป๊ป เลือกแท็กติกแบบนี้นั้นหมายความว่า แมนฯ ซิตี้ จะไม่มีโฮลดิ้ง มิดฟิลด์อยู่ในสนามเลย แต่ใส่ กุนโดกานลงไปแทน เท่ากับเน้นเกมรุกเต็มสูบ


ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ “เป๊ป” ยังต้องปรับแท็กติกอีกครั้ง เมื่อถอด เควิน เดอ บรอยน์ ออกในช่วงกว่า 30 นาทีสุดท้ายเนื่องจากบาดเจ็บ แต่เขาดันเลือกส่ง กาเบรียล เชซุส ลงสนาม นั่นทำให้เกมแดนกลางของ แมนฯ ซิตี้ ยิ่งตันเข้าไปใหญ่


อย่างไรก็ตามแม้ว่า เป๊ป จะไม่สามารถนำ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ที่รอคอยได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังคงได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหาร และแฟนบอลอยู่ดี เพราะถ้าไม่มีชายคนนี้ “สำเภาทอง” คงไม่มีทางแล่นมาได้ไกลขนาดนี้



2) ฮาแวร์ทซ์ ฮีโร่นัดชิง


73 ล้านปอนด์ (ราว 2,920 ล้านบาท) ที่ เชลซี ยอมควักเงินจ่ายเป็นค่าตัวให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในการดึง ฮาแวร์ทซ์ มาเสริมแกร่งต้องบอกเลยว่าฮือฮาสุดๆ เพราะถือเป็นเม็ดเงินที่สูงมากกับการดึงผู้เล่นที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายกับทัพ “ห้างขายยา”


อย่างไรก็ตามในค่ำคืนนี้ ฮาแวร์ทซ์ ได้แสดงให้เห็นผลงานชั้นยอดของเขา การเล่นประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม วิ่งลงมารับบอล และยังมีส่วนสำคัญทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ขยับเคลื่อนเกมได้อย่างไหลลื่นตามแท็กติกที่ ทูเคิ่ล วางเอาไว้


สำหรับประตูของเขาต้องบอกเลยว่าสุดยอดจริงๆ เพราะเป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่การผ่านบอลสุดเฉียบคมของ เมสัน เมาท์ ตามด้วยการวิ่งหลอกของ ติโม แวร์เนอร์ ที่ดึงผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ ให้ต้องวิ่งตามประกบ ส่งผลให้ ฮาแวร์ทซ์ มีพื้นที่ว่าง และวิ่งทะลุเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดประตูที่สุดแสนคุ้มค่าของตัวเขา และต้นสังกัด



3) แดนกลางเชลซี เอาอยู่


แดนกลางของเชลซี ในเกมนี้เหนือกว่าซิตี้ชัดเจน เพราะผลงานของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, ฮาแวร์ทซ์ รวมไปถึง เมสัน เมาท์ ต้องบอกเลยว่าโดดเด่นกินขาดแผงมิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้


ในรายของ ก็องเต้ ยังคงเป็นผู้เล่นที่เต็มไปด้วยพละกำลังและมันสมองของทีม คอยทำหน้าที่ทั้งวิ่งตัดเกมคู่แข่ง, เชื่อมเกมระหว่างกองกลางกับแนวรุก รวมทั้งยังพยายามหาโอกาสในการทำประตู


ยิ่งเวลาที่ประสานงานกับ จอร์จินโญ่ ทำให้แผงมิดฟิลด์ของ เชลซี แข็งแกร่งมาก เพราะทั้งสองคนช่วยกันตัดเกมทำลายจังหวะเวลาที่ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นเกมรุก ทำให้แนวรับไม่ต้องทำงานหนักมากนัก


ส่วน เมาท์ เกมนี้เจ้าตัวโดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะจังหวะที่แทงบอลทะลุแนวรับ แมนฯ ซิตี้ ให้ ฮาแวร์ทซ์ หลุดเข้าไปซัดประตูชัยถือว่าทั้งเฉียบคมและแม่นยำ



4) ทูเคิ่ล ผู้ฆ่า เป๊ป อย่างแท้จริง


ความเป็นคู่แข่งกันระหว่าง กวาร์ดิโอล่า กับ ทูเคิ่ล ค่อยๆ เข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่สมัยที่ทั้งสองคนทำงานอยู่ในประเทศเยอรมัน จนปัจจุบันก็ได้มีโอกาสวัดกึ๋นกันในประเทศอังกฤษ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะคุ้นเคยแท็กติกของกันและกันเป็นอย่างดี


เมื่อทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้งในเมืองผู้ดี และ ทูเคิ่ล จัดการดับซ่าคู่ต่อกร  3 ครั้งหลังสุด ทั้งเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ, ชนะในเกมพรีเมียร์ลีก และล่าสุดจม “เรือใบ” ในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก


แน่นอนว่าการวัดกึ๋นของทั้งสองคนคงจะยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในครั้งต่อๆ ไป และอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะมองว่า เชลซี ภายใต้การกุมบังเหียนของ ทูเคิ่ล น่าจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในการท้าทาย แมนฯ ซิตี้ สำหรับศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า



5) เชลซี พร้อมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่


การคว้าโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” กลับไปประดับในตู้โชว์ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งนี้ เป็นแชมป์รายการที่ 17 ในยุคที่ โรมัน อบราโมวิช อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรแห่งนี้ แน่นอนว่านี่คือช่วงเวลาที่หอมหวานของ “สิงห์บลูส์” อย่างแท้จริง


ที่สำคัญตลอด 20 ซีซั่นที่ผ่านมา เชลซี คือสโมสรในเมืองผู้ดีที่คว้าแชมป์รายการใหญ่มากที่สุด เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (13) , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (13), อาร์เซน่อล (9) และ ลิเวอร์พูล (9)


จากความสำเร็จของ ทูเคิ่ล ที่นำ เชลซี คว้าท็อปโฟร์ทั้งๆ ที่ช่วงเดือนมกราคมพวกเขาแทบหมดลุ้นไปแล้วสมัยที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุมบังเหียน และได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก งานนี้ “เสี่ยหมี” คงพร้อมเบิกเงินในธนาคารเพื่อให้ กุนซือเลือดด๊อยท์ช ได้ชอปปิ้งนักเตะที่เขาต้องการ สำหรับการสร้างทีมเพื่อครองความยิ่งใหญ่ทั้งในอังกฤษ และบนแผ่นดินยุโรป






เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน


























































ความคิดเห็น