ท่ามกลางผลงานอันยอดเยี่ยมของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ภายใต้การกำกับดูแลของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ดาวที่เกือบดับแสงอย่าง เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ ก็กลับมาเจิดจรัสบนฟากฟ้าลูกหนังได้อีกครั้ง
2 ประตูของกองหน้าชาวไนจีเรียที่ยิงใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเอฟเอคัพ รอบควอร์เตอร์ไฟนอล พร้อมชัยชนะ 3-1 ช่วยให้ “เดอะ ฟ็อกซ์” ผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนอลได้ในรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญที่สุดของทีมนับตั้งแต่การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อ 5 ปีก่อน
จากการเบิ้ล 2 เม็ดในเกมดังกล่าวทำให้ตอนนี้ อิเฮียนาโช่ ยิงประตูให้ เลสเตอร์ ไปแล้ว 7 ลูกจากการลงสนาม 4 เกม ถือได้ว่าการกลับมาเปรี้ยงปร้างเช่นนี้นับเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมกับการช่วยทีมลุ้นท็อปโฟร์ใน พรีเมียร์ลีก รวมทั้งลุ้นแชมป์ เอฟเอคัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาอีกด้วย
จากที่เคยเป็นเพียงตัวเลือกต่อจาก เจมี่ วาร์ดี้ ในแดนหน้า ตอนนี้กองหน้าไนจีเรียก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งกองหน้าที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรป ความท้าทายต่อมาคือทำอย่างไรจึงจะสามารถรักษาฟอร์มเช่นนี้ต่อไปได้ เพราะการเดินทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงต้องรีบไขว่คว้าช่วงเวลาอันมีค่านี้เอาไว้
ย้อนกลับเมื่อปี 2017 อิเฮียนาโช่ ตัดสินใจย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ให้โอกาสเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก เพียง 12 เกม มาสู่ถิ่น คิงพาวเวอร์ สเตเตี้ยม ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวอาจจะรู้สึกโล่งใจกับการได้มาอยู่ทีมที่เล็กกว่าและโอกาสมากกว่า แต่ก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่มาพร้อมกับความคาดหวังในระดับสูงเช่นกัน
แม้ว่า อิเฮียนาโช่ กลายเป็นที่ป็อบปูล่าของบรรดาแฟนบอล เลสเตอร์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขามีฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจได้ และด้วยอาการบาดเจ็บที่มีมาเป็นระยะทำให้เจ้าตัวแทบจะไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีมเลยในช่วง 2 ซีซั่นแรก และมีสถิติการทำประตูที่สุดขี้เหร่ด้วยการยิงไปเพียง 4 ลูกในช่วง 2 ปีแรกเท่านั้น
กระทั่งการเข้ามาของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หลังพาทีมประสบความสำเร็จใน สก็อตติช พรีเมียร์ลีก อย่างสุดยอด จากนั้นผลงานของ เลสเตอร์ ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ในส่วนของ อิเฮียนาโช่ นั้น กุนซือชาวไอร์แลนด์ไม่เคยสงสัยในศักยภาพของนักเตะรายนี้เลยแม้แต่วินาทีเดียว เพียงแต่ต้องเร่งฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ผลงานที่ดีจึงจะตามมา เขาจึงให้โอกาสดาวเตะไนจีเรียได้เริ่มออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากขึ้น และนั่นคือที่มาของความมั่นใจที่เริ่มกลับมาทีละนิด จนในที่สุดก็มาระเบิดฟอร์มในฤดูกาลนี้
จากการเล่นได้ดีจนกลายเป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ คำถามจากแฟนบอล จิ้งจอกสยาม ก็ตามมาว่า แล้วถ้า เจมส์ แมดดิสัน และ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ หายเจ็บกลับมา 2 คนนี้จะยังได้ลงสนามอีกหรือไม่
เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส จะต้องไปจัดการแก้ปัญหาเอาเอง แต่ปัญหาแบบนี้เชื่อว่าผู้จัดการทีมหลายคนก็คงอยากจะเจอกันบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องนักเตะบาดเจ็บให้คิดปวดหัวอยู่ทุกครั้ง
อย่างไรก็ตามหลังจบซีซันนี้ อิเฮียนาโช่ จะเหลือสัญญากับทีมอีกเพียงปีเดียว ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาจะตัดสินใจขยายสัญญาในการค้าแข้งกับทีมออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นเจ้าตัวคงอยากจะช่วยทีมให้ได้เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ เสียก่อน ซึ่งมันคงเป็นเหมือนการตอบแทนความไว้วางใจที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีให้กับเขา
อิเฮียนาโช่ ยิง 3 ประตูไปแล้วในรายการนี้ หากสามารถทำได้อีกในเกมรอบรองฯ ที่จะเจอกับ เซาแธมป์ตัน รวมทั้งยิงประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศพร้อมการชูถ้วยแชมป์เหนือหัว มันคงเป็นการบอกให้โลกรู้ว่า เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ คนนี้ได้กลับมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในโลกลูกหนังอีกครั้งหนึ่งแล้ว
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น