ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าคนดังของเ เอซี มิลาน ได้กลับมาเล่นให้กับทีมชาติสวีเดนอีกครั้ง หลังจากเดิมทีเขาเคยหันหลังให้กับทัพ “ไวกิ้ง” ไปในตอนที่จบศึก ยูโร 2016
การกลับมาของ อิบราฮิโมวิช ทำให้แฟนบอล สวีเดน หลายคนดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของประเทศ หลังจากที่เขายิงไปถึง 62 ประตู แถมตอนนี้เขากำลังทำผลงานได้โดดเด่นกับ มิลาน ด้วย จนทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาจะช่วย สวีเดน ได้เป็นอย่างดี
วันนี้เราเลยมีเกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับการเล่นให้ทีมชาติของเขามานำเสนอ ลองไปดูว่ามีอะไรบ้าง
เกมที่โหดที่สุด
ตลอดช่วงการเล่นให้ สวีเดน ก่อนหน้านี้นั้น มีอยู่ 2 นัดที่ อิบราฮิโมวิช สามารถทำแฮตทริกได้ นั่นคือเกม ยูโร 2012 รอบคัดเลือกนัดที่ สวีเดน ชนะ ฟินแลนด์ 5-0 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ปี 2011 และเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ นอร์เวย์ 4-2 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2013
อย่างไรก็ตาม 2 เกมนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับวันที่เขาเจอ มอลต้า ในเกม ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 2004 กับเกมอุ่นเครื่องกับ อังกฤษ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ปี 2012 เพราะใน 2 เกมนั้นเขาทำคนเดียวถึง 4 ประตู โดยเกมกับ มอลต้า เขาช่วยให้ทีมชนะแบบถล่มทลาย 7-0 ส่วนวันที่เจอกับ อังกฤษ มันพิเศษกว่านั้น เพราะเขาทำคนเดียว 4 ลูกจนทำให้ สวีเดน ชนะไป 4-2
ช่วงยิงต่อเนื่อง
วันที่ 8 กันยายน ปี 2015 จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน ของปีเดียวกัน เป็นช่วงที่ อิบราฮิโมวิช ทำประตูในเกมทีมชาติได้ติดต่อกันมากที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง จากการทำไป 5 นัดติดต่อกัน และถ้านับเป็นจำนวนประตูก็อยู่ที่ 6 ลูก
ทั้งนี้ 5 เกมดังกล่าวเป็นศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือกทั้งหมด แบ่งเป็น 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มที่เขาทำได้ 1 ลูกแต่แพ้ ออสเตรีย 1-4, ทำไป 1 ประตูในนัดที่ชนะ ลิคเท่นสไตน์ 2-0 และ 1 ลูกในวันที่ชนะ มอลโดว่า 2-0 กับอีก 2 นัดในรอบเพลย์ออฟที่เจอกับ เดนมาร์ก โดยในนัดแรกเขาทำได้ 1 ประตูจนทำให้ สวีเดน ชนะ 2-1 ส่วนนัดที่ 2 เขาเหมา 2 ลูกจนทำให้เสมอกัน 2-2
ค่าเฉลี่ยไม่ได้เป็นที่ 1
แม้ว่าตอนนี้ อิบราฮิโมวิช จะเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ สวีเดน ที่จำนวน 62 ประตูจาก 116 นัด แต่ถ้าเทียบแบบค่าเฉลี่ยจำนวนประตูต่อ 1 นัดแล้วนั้นเขายังเป็นรองอดีตรุ่นพี่ในทีมชาติอีกหลายคน เพราะค่าเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 0.53 ลูกต่อเกม
โดยถ้าเทียบเฉพาะคนในกลุ่มดาวซัลโว 10 อันดับแรกของ สวีเดน แล้วล่ะก็ เขาก็มีค่าเฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่ 5 ส่วนที่ 1 คือ กุนนาร์ นอร์ดาห์ล ที่ทำไป 1.3 ประตูต่อนัด หลังจากเคยยิงไป 43 ประตูจากการลงเล่น 33 เกม ในระหว่างปี 1942-1948
ตราบาปของพระเจ้า
เขาว่ากันว่าหนึ่งในสิ่งที่จะตัดสินว่าคนเราเป็นนักเตะชั้นยอดหรือไม่คือการที่ว่าต้องทำผลงานในเกมใหญ่ๆ ให้ดีด้วย เพราะดีกรีความเข้มข้นของเกมทั่วไปกับเกมใหญ่มันต่างกันพอตัว ซึ่งในระดับสโมสรนั้น อิบราฮิโมวิช ก็มักจะทำผลงานในเกมใหญ่ๆ ได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในศึก ฟุตบอลโลก ในนามทีมชาติสวีเดนนั้น อิบราฮิโมวิช กลับไม่ได้เจอกับช่วงเวลาที่สวยหรูแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาเขาเคยลงเล่นเกมรอบสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก ไปทั้งหมด 5 นัด และเขาก็ยังทำประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว ดังนั้นถ้าเกิด สวีเดน ได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 แล้วล่ะก็ เขาก็จะมีโอกาสแก้ตัวในเรื่องนั้น
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น