การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ กลับมาเข้มข้นอีกครั้งหลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดอาการสะลักบ๊วยเปิดบ้านแพ้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ส่งผลให้พลาดโอกาสแย่งตำแหน่งจ่าฝูงคืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1) เกมรับยังผิดพลาดง่ายเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่แพ้มา 14 นัดติดต่อกัน เก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น เกมรับดูเหนียวแน่น แต่หากมองลึกๆแล้ว เกมรับยังคงมีปัญหา โดยเฉพาะลูกตั้งเตะ นั่นเอง
ในจังหวะก่อนที่ทีมจะเสียประตูที่สอง จะเห็นได้ชัดว่าทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ สับสนในการป้องกัน แถม ดาบิด เด เคอา ดันเคลียร์บอลไม่เด็ดขาดทำให้ “ดาบคู่” ได้กดดันหนัก ก่อนที่ โอลิเวอร์ เบิร์ก จะซัดเต็มคอแฉลบ ตวนเซเบ้ เป็นประตูชัยให้กับทีมบ๊วยในแมตช์นี้
หากย้อนกลับไปก่อนหน้าที่จะเสียประตูนี้ แนวรับ แมนฯ ยูฯ ก็ทำพลาดหลายครั้ง แต่ยังดีที่แนวรุกเชฟฟิลด์ไม่เฉียบคมกันเองไม่งั้นสกอร์อาจจะไม่ใช่แค่ที่เห็นก็ได้
นอกจากนี้การรับมือลูกตั้งเตะของ แมนฯ ยูฯ ทำได้ไม่ดีเลย และยังคงเป็นจุดอ่อนเดิมๆ เหมือนที่พวกเขาโดน ฟูแล่ม ขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ดังนั้นนี่คือปัญหาที่ โซลชา ต้องรีบแก้ไขเป็นการด่วนหากยังอยากฝันถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 8 ปี
2) แนวรุกสุดฝืด
นอกจาก 3 ประสานในแดนหน้าจะทำประตูกันไม่ได้แล้ว และพอมีโอกาสก็ก็ไม่เฉียบคมกันอีก โดยเฉพาะกองหน้าเบอร์ 9 มาร์กซิยาล เป็นคนที่โดนเฉ่งหนักที่สุดเมื่อคืน เล่นด้วยฟอร์มอันย่ำแย่และทำเสียบอลบ่อง่าย ทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ ประตูที่สองเริ่มมาจากการที่เขาเสียบอลอีกพวกเขายังไม่สามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้แม้แต่หนเดียว
3) โอเล่ เปลี่ยนตัวขัดใจแฟนบอล(อีกแล้ว)
ไม่ต้องเป็นถึงกูรูก็พอจะมองอองว่า อองโตนี่ มาร์กซิยาล เล่นได้แย่ที่สุดในทีม และมันก็ถึงเวลาที่ เอดินสัน คาวานี่ ควรจะได้ลงสนาม แต่ที่ช็อคที่สุดคือ เมสัน กรีนวู้ด คนที่โดดเด่น วูบวาบและได้โอกาสยิงมากสุด ในเกม ที่สุดกลับโดนถอดออกไปและเมื่อ “เอล มาทาดอร์” ลงสนามมา แรชฟอร์ด เลยต้องโยกไปเล่นฝั่งขวาที่ไม่ถนัดเพื่อเปิดทางให้ มาร์กซิยาล ไปประจำการที่ริมเส้นด้านซ้าย ราคาบอล
4) VAR มีแต่ทำไมไม่ใช้งาน?
มาตรฐานของ VAR ยังคงถูกตั้งคำถามอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยในเกมนี้ เจ้าบ้านเสียประโยชน์ไปถึง 2 ครั้ง
โดยจังหวะแรก บิลลี่ ชาร์ป ตั้งใจผลัก ดาบิด เด เคอา ในจังหวะที่เขาจะขึ้นไปป้องกันประตูจากลูกเตะมุม ทำให้ คีน ไบรอัน ได้ขึ้นโหม่งสบายๆ แต่เมื่อเช็คจากภาพรีเพลย์แล้วเป็นจังหวะฟาวล์ชัดเจน
ทว่า แบ็งค์ส กลับเมินเฉยในจังหวะนี้ เช่นเดียวกับทีมงาน “วีเออาร์” ที่ไม่ได้เช็คจังหวะดังกล่าวด้วยซ้ำ ขณะที่อีก 10 นาทีหลังจากนั้น แมนฯ ยูฯ ได้ประตูตีเสมอแต่ท่านเปาเป่าว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำฟาวล์ แอรอน แรมส์เดล ทำให้บอลหลุดไปเข้าเท้า มาร์กซิยาล ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นจังหวะในการขัดขวางการเล่นของโกล์ทั้งคู่ แต่กลายเป็นว่า “ผีแดง” ไม่ได้ประโยชน์จากจังหวะนี้
ก่อนหน้านี้ปีศาจแดงมักจะโดนครหาว่า ได้ประโยชน์จากผู้ตัดสินเสมอ แต่ก็ใช่ว่าผีแดงจะได้ประโยชน์ทุกครั้งเสมอไป ที่สำคัญไม่ใช่แค่เกมนี้เท่านั้น เพราะการทำหน้าที่ของกรรมการในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างจะขาดมาตรฐานอย่างแรง ซึ่งตอนนี้มีการตั้งคำถามแล้วว่า “วีเออาร์” พร้อมที่จะนำมาใช้ในเกมลูกหนังจริงๆ แล้วเหรอ ?
5) ล้มแล้วต้องลุกให้ไว
เกมนี้ โซลชา จัดทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในการรับมือกับทีมบ๊วยของลีก แต่กลายเป็นว่าทีมชุดนี้ยังดีไม่พอที่จะเคี้ยงบ๊วยให้สบายปาก แถมยังโดนบ๊วยติคคอจนสะลึกร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 ในตารางลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จริงๆ แล้วตอนที่ แมนฯ ยูฯ ได้ประตูตีเสมอ ต้องบอกว่ารูปเกมของพวกเขาเหนือกว่าคู่แข่งเยอะมาก และเวลาที่มีเหลือเฟือที่จะเดินหน้าเพื่อยิงประตูเพิ่ม แต่กลายเป็นว่าทัพ “เร้ด เดวิลส์” ดันไม่สามารถสร้างสรรค์เกมบุกในการเจาะแนวรับสุดหินของ “เดอะ เบลด” ได้เลย
ดังนั้นในเกมปะทะกับ อาร์เซน่อล แม้จะไปเยือนและมีสถิติที่ดีในฐานะอาคันตุกะ แต่ “ปืนใหญ่” เป็นพวกทีมรับเหนียวแน่น เกมรุกก็เริ่มดุดัน งานนี้ โซลชา และลูกทีมต้องจดจำบทเรียน “บ๊วยติดคอ” เพื่อนำไปแก้ตัวที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น