การจากไปของ เปาโล รอสซี่ กองหน้าทีมชาติ อิตาลี ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1982 คือหนึ่งในความสูญเสียของโลกลูกหนังอีกหนึ่งเรื่องในปี 2020 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานดาวยิงอาร์เจนตินาได้จากลาโลกนี้ไป
เปาโล รอสซี่ ถูกยกให้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของ“อัซซูรี่” และเป็นนักฟุตบอลที่เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อยิงประตูเท่านั้น
เปาโล รอสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1956 และเริ่มต้นเป็นนักเตะกับยอดทีมแห่งเมืองตูริน คือม้าลาย ยูเวนตุส โดยร่วมทีมตั้งแต่ทีมระดับจูเนียร์ แต่เนื่องจากมีปัญหาอาการเจ็บหัวเข่ามาโดยตลอด ยูเวนตุสจึงปล่อยตัวรอสซี่ให้ “โคโม่” ยืมตัวไปหาประสบการณ์
รอสซี่เล่นโคโม่ไม่นาน แมวมองของทีมในเซเรีย บี คือ “วิเชนซ่า” ก็ซื้อตัวหลังมองเห็น”สัญชาติญาณเพชรฆาต” จึงจับรอสซี่ จากผู้เล่นมิดฟิลด์ริมเส้น ไปเป็นกองหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการมองถูกทาง เพราะรอสซี่ยิงถึง 21 ประตูให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในกัลโช่ซีรี อาร์ และวิเชนซ่าก็ยื่นเรื่องขอซื้อตัวเป็นการถาวรจาก ยูเวนตุส ที่ยอมขายด้วยราคาถูกเพียง 1,500 ปอนด์ ในปี 1975
เขาเล่นลีกสูงสุดเพียงปีเดียว นาโปลี ติดจ่อขอซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยราคาเพิ่มเท่าตัวเป็น 3 พันปอนด์ แต่รอสซี่ไม่อยากไปอยู่เมืองมาเฟีย จึงตัดสินใจไปร่วมทีมเปรูจา แบบยืมตัวแทน
ช่วงนั้นเองที่ “มาเฟียลูกหนัง” เริ่มแผลงฤทธิ์ และมีการ “ล้มบอล “เกิดขึ้น
เปาโล รอสซี่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่เจอข้อหา”ล้มบอล”ในช่วงนั้น เขาจึงถูกสมาคมฟุตบอลอิตาลีห้ามเล่นฟุตบอล 3 ปี แต่สโมสรอุทธรณ์ จึงถูกห้ามลงสนามจาก 3 ปีเหลือแค่ 2 ปี คือฤดูกาล 1980-1982 โดยโทษห้ามลงสนาม สิ้นสุดลงในวันที่ 29 เมษายน 1982 ในช่วงเวลาที่รอสซี่นั้นถูกแบนลงสนาม ยูเวนตุสเลยติดต่อขอซื้อตัวรอสซี่กลับมาในราคา 500,000 ปอนด์
รอสซี่กลับมาเล่นให้กับยูเวนตุสได้ในปี 1982-83 ในปีนั้นยูเวนตุสจบที่ 2 ซีเรีย อา แต่ในปี 1983 รอสซี่ก็ช่วยให้ยูเวนตุสคว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย โดยยิงไปทั้งหมดถึง 5 ประตูในรายการนี้ นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้ยูเวนตุสผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศใน UCL และในนัดชิงยูเวนตุสพ่ายให้กับฮัมบูร์กไป 1-0 ได้รองแชมป์ไป
และในปี 1984 เขาก็ได้แชมป์ซีเรีย อา กับยูเวนตุส โดยรอสซี่ยิงไปได้ 13 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด พร้อมทั้งมีส่วนช่วยให้สโมสรคว้าถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และวินเนอร์ส คัพอีกด้วย ในช่วงปี 1985 ปีสุดท้ายของรอสซี่กับยูเวนตุส เขาก็พาทีมก็คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ(ชื่อเดิมของUCL) กับยูเวนตุสได้สำเร็จ โดยยิงไปได้ทั้งหมด 5 ประตูจากทัวร์นาเม้นต์นั้น
รอสซี่กลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกในปี 1982 แน่นอนว่าเขามีชื่อติดทีมชาติ ท่ามกลางข้อกังขาของแฟนบอลบางส่วนสำหรับกองหน้ารายนี้ที่มีเวลาเตรียมพร้อมเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะลุยศึกบอลโลกที่สเปน แต่ไม่ใช่สำหรับ เอ็นโซ เบียร์ซ็อต โค้ชทีมชาติอิตาลีในเวลานั้น
หลังจากรอสซี่พ้นโทษแบนในวันที่ 29 เมษายน 1982 เบียร์ช็อตไม่รอช้า ใส่ชื่อรอสซี่ไปในรายชื่อ 24 นักเตะที่จะไปบอลโลกทันที แน่นอนว่ากองเชียร์นั้นไม่ได้คาดหวังใดๆกับนักเตะชุดนี้เท่าไหร่นัก
อิตาลี โชว์ฟอร์มรอบแรกแบบ “ห่วยแตก” เพราะทั้งๆที่อยู่ร่วมสายกับทีมที่ไม่ได้จัดว่า “น่ากลัว” คือโปแลนด์ แคเมอรูน และเปรู แต่อิตาลีก็หวิดตกรอบแรก
3 นัดในรอบแรก 3 นัด อิตาลียิงได้เพียง 2 ประตูโดยไม่รู้จักคำว่า “ชนะ” แต่ก็ผ่านเข้ารอบด้วยประตูได้เสียเหนือกว่า แคเมอรูน ที่ตกรอบโดยไม่มีคำว่า “แพ้” เพราะทั้ง 2 ทีมต่างเสมอรวด แต่อิตาลีโชคดีที่มีประตูได้เสียดีกว่า คือยิง 2 ประตู จึงเข้ารอบแบบ “หมอผี” ต้องน้ำตาตก
เมื่อผ่านเข้ารอบ 2 เนื่องจากฟุตบอลโลกปี 82 เป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มจำนวนทีมรอบสุดท้ายจาก 16 เป็น 24 ทีม จึงมีการแบ่งสายรอบ 2 เป็น 4 กลุ่มเพื่อเอาที่ 1 แต่ละกลุ่มเข้ารอบรองชนะเลิศ
ไม่น่าแปลกใจที่อิตาลี จะถูกมองว่าสิ้นสุดเส้นทางในฟุตบอลโลก 82 แค่นี้ เพราะทีมร่วมสายของอิตาลี คือแชมป์เก่า อาร์เจนตินา ที่มี2 นักเตะแชมป์โลก 4 ปีก่อน คือ มาริโอ เคมเปส และ ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า เป็นตัวชูโรง และมีนักเตะหน้าใหม่คือ ดีเอโก้ มาราโดน่า
อีกทีมคือ”เต็งหนึ่ง” บราซิล ที่มีนักเตะก้องโลกล้นทีม นำทีมโดยเปเล่ขาว ซิโก้ ฟัลเกา ฯลฯ….
แต่แค่นัดแรกของรอบ 2 อิตาลี ก็ทำให้ทุกคนหันกลับมามอง เมื่อพลิกล็อคชนะอาร์เจนตินา 2-1
อิตาลียิงได้ 4 ประตูใน 4 เกม โดย”ศูนย์หน้า” ยังไม่มีสกอร์ ทำให้เบียร์ซ็อตถูกสื่ออิตาลีตำหนิถึงการเลือก เปาโล รอสซี่ ที่ไม่ได้ลงสนามมา 2 ปีร่วมทีมไปด้วย เบียร์ซ็อตก็รู้ดี พร้อมประกาศ”ให้โอกาส”รอสซี่ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ก่อนที่จะเจอกัน นักเตะบราซิล ต้องการผลแค่”ไม่แพ้”ก็จะผ่านเข้ารอบตัดเชือก
แต่ดูเหมือนบราซิลลืมนึกไปว่า อิตาลีมีนักเตะชื่อ เปาโล รอสซี่ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในอิตาลีถึงฟอร์มการเล่น แต่เมื่อพบกับบราซิล รอสซี่ก็ทำให้โลกรู้จัก ด้วยการ”แฮททริค”พาอิตาลีเฉือนบราซิล 3-2 และผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ
หลังจากเครื่องติดแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหยุดรอสซี่ได้อีกแล้ว รอบรองชนะเลิศเจอกับโปแลนด์ ที่เสมอกันมาในรอบแรก 0-0 แต่คราวนี้ไม่เหมือนคราวนั้น เพราะ เปาโล รอสซี่ จัดการคนเดียว 2 ประตูให้อิตาลีชนะโปแลนด์ไป 2-0 ผ่านเข้าสู่เกมนัดชิงชนะเลิศ
2 เกม 5 ประตู ..ทันใดนั้นโลกรู้จัก เปาโล รอสซี่ แล้ว ราคาบอล
อิตาลี มาไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ และต้องเจอกับ เยอรมันตะวันตก ทีมที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนั้น ทว่าตอนนี้ อิตาลี และ รอสซี่ เครื่องติดแล้ว พวกเขาเอาชนะทัพอินทรีเหล็กไปได้แบบไม่ยากเย็น 3-1 รอสซี่ ยิงลูกแรกในนาทีที่ 57, ทาร์เดลลี่ ยิงลูกต่อไปในนาทีที่ 69 และ อเลสซานโดร อัลโตเบลี่ ยิงปิดท้ายในนาทีที่ 81 … ส่วนเยอรมันตะวันตก ตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 83 จาก พอล ไบรท์เนอร์
กรุงโรงไม่ได้สร้างวันเดียว…และ เปาโล รอสซี่ ก็ไม่ได้แจ้งเกิดในนัดเดียว..แต่ในทางกลับกัน รอสซี่ ใช้เวลาเพียง 3 นัดก็ทำให้โลกรู้จัก และอิตาลีบันทึกประวัติศาสตร์ว่า ทารกเพศชายที่เกิดในคืนนั้นค่อนประเทศ ถูกตั้งชื่อเหมือนกันหมดว่า “เปาโล”
จากคนที่”แพ้”ในข้อหา”ล้มบอล” สุดท้าย เปาโล รอสซี่ ก็เป็น”ผู้ชนะ”….
สำหรับ เปาโล รอสซี่ ทุกคนพูดถึงเขาในฐานะตำนานทีมชาติอิตาลีจนกระทั่งทุกวันนี้ … วันที่เขาจากโลกนี้ไปแล้ว ตำนานบทนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น