แมนฯ ยูไนเต็ด คงเซ็งไม่น้อยหลังออกนำถึงสองครั้งครา แต่เลสเตอร์ ซิตี้ ไล่ตามตีเสมอได้ทั้งสองครั้งมทำให้หยุดสถิติคว้าชัยชัยชนะ 100% ในเกมเยือนของ “ผีแดง” ฤดูกาลนี้ และกลับออกมาพร้อมหนึ่งคะแนนเท่านั้น
ถือเป็นเกมเยือนนัดแรกในลีกของฤดูกาลนี้ที่พลพรรคปีศาจแดงออกนำคู่แข่งไปก่อน เพราะที่ผ่านมาทีมต้องตามหลังฝ่ายตามหัลงตลอด และค่อยตามยิงแซงคว้าชัยกลับออกไป
แต่การศึกหนล่าสุดในรัง จิ้งจอกสีน้ำเงิน ลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เริ่มต้นเกมได้ดีและมีโอกาสจะแจ้งจากจังหวะโหม่งจ่อๆ ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ข้ามคานออกไป
ถือเป็นโอกาสทองเหน่งๆ ที่น่าเสียดาย และเป็นการบ้านที่ แรชฟอร์ด ต้องนำไปปรับปรุงลูกโหม่งซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของกองหน้าวัย 23 ปี เพราะหากไปค้นดูสถิติการทำประตูที่ผ่านมาในสีเสื้อ ผีแดง เขาทำสกอร์จากหัวได้เพียง 4 ลูกเท่านั้น (ประตูล่าสุดเกิดขึ้นในเกมดวล นิวคาสเซิ่ล ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปี 2019)
แม้หลังจากนั้น แรชฟอร์ด จะแก้ตัวได้สำเร็จ แต่เป็นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในการป้องกันที่ทำให้ทีมโดนตีเสมอ ไม่ต่างจากครึ่งหลังที่โดนเจ้าบ้านเอาคืนเพราะการป้องกันที่หละหลวมและประมาทไปแค่นิดเดียว
ต้องยอมรับว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีส่วนพลาดในจังหวะโดนตีเสมอ 1-1 เพราะกองกลางโปรตุเกสพยายามฝืนแตะลอดขา วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ก่อนจะโดน เจมส์ แมดดิสัน ฉกบอลไหลไปให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ยิงเสียบตาข่าย
นั่นคือความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ บวกกับบรรดาแนวรับและกองกลางไม่ได้บีบพื้นที่คู่แข่งให้เร็วพอ ส่งผลให้โดนตีเสมอจากการสับไกตรงกรอบหนแรกของ เลสเตอร์
ส่วนประตูที่เสียให้เลสตอร์ลูกที่สองก็ไม่ได้ต่างกัน แม้ว่าจะมาจากบริเวณริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งทาง ลุค ชอว์ ดูจะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ เพราะเขาไม่ได้วิ่งตาม อาโยเซ่ เปเรซ ที่สอดขึ้นไปแต่พยายามไปช่วยปิดพื้นที่ของ เจมส์ จัสติน ที่แทงสวนขึ้นมาก่อนจะเป็นสำรองเจ้าบ้านไหลให้ เจมี่ วาร์ดี้ ยิงแฉลบ แอ๊กเซล ตวนเซเบ้ เข้าประตู
สองประตูที่เสียไปคือหลักฐานชัดเจนว่า ผีแดง ยังคงมีการบ้านให้แก้ไขและปรับปรุงอย่างมาก ยิ่งเจอกับทีมหัวตารางและฉวยโอกาสได้ดี ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับทีม
หลายๆ อย่างในนัดที่ผ่านมาเหมือนจะเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะทีมเป็นฝ่ายออกนำคู่แข่งก่อนและแทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้ เลสเตอร์ สวนกลับหรือเล่นงานอย่างจะแจ้ง แต่สองประตูที่เสียไปกลับมาจากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของทีม
นั่นคือบทเรียนครั้งสำคัญที่ทุกๆ คนในทีมต้องนำไปพิจารณาและแก้ไข ซึ่งดูจากปฏิกิริยาของกุนซือและนักเตะก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะแต่ละคนมีสีหน้าท่าทางไม่พอใจและผิดหวังกับผลงานในนัดที่ผ่านมา
ฟุตบอลสมัยใหม่คือการเน้นเรื่องบีบพื้นที่และพยายามกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามผิดพลาด สิ่งนี้ ปิศาจแดง ทำได้ดีเช่นกันในตอนที่เข้ากดดันคู่แข่ง แต่ในกรณีที่ต้องเป็นฝ่ายถูกดดันเสียเอง ก็ส่งผลให้บางครั้งลูกทีมของ โซลชา แสดงความผิดพลาด ลนลานออกมา
และนั่นคือสิ่งที่ต้องนำไปปรับปรุงและเล่นให้นิ่งกว่านี้อีก โดยเฉพาะการเจอกับบรรดาทีมหัวตารางที่พร้อมเล่นงานพวกเขาจากจุดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ตลอดเวลา
หนึ่งคะแนนที่ได้มาไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด เพราะอย่าลืมว่าการบุกเสมอทีมแกร่งอย่าง จิ้งจอกสีน้ำเงิน ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมองในแง่ของโอกาสและรูปเกมในนัดที่ผ่านมาก็แอบเสียดายไม่ได้เพราะ ปีศาจแดง มีจังหวะจะแจ้งมากมายแต่บรรดาแนวรุกกลับไม่สามารถคว้ามาได้ ข่าวแมนยู
ทุกๆ คนหงุดหงิดกับผลเสมอไม่ต่างไปจากบรรดานักเตะ เพราะทีมมีโอกาสออกนำถึงสองหน แต่ก็อย่างที่เรียนไปตั้งแต่ทีแรกว่าความผดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นำมาซึ่งการโดนตีเสมอ
วันอังคารนี้ทีมจะลงสนามอีกครั้งในการรับมือ หมาป่ามิดแลนด์ส ที่ โรงละครแห่งความฝัน
บทเรียนมีแล้วก็นำไปปรับปรุงแก้ไข อะไรที่ผิดพลาดและไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ต้องนำไปพูดคุยและทำความเข้าใจใหม่ แม้เวลาจะกระชั้นชิดแต่สำหรับมืออาชีพแล้ว แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่ให้พวกเขานำไปปรับปรุงและลดความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นลงมาได้บ้าง
แม้ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคืออาการบาดเจ็บของสองแกนหลักในแนวรับทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ไม่ได้ลงเล่นในนัดที่ผ่านมา บวกับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่เดี้ยงซ้ำจากเกมล่าสุด กระนั้นทีมยังพอมีตัวเลือกและทางแก้ไข
ถึงเวลาต้องไปต่อ ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือการลงสนามนัดถัดไป ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสที่ดีของ แมนฯ ยูไนต็ด ในการลืมความผิดหวังจากนัดล่าสุด และเป็นโอกาสแก้ตัว แก้ไขความผิดพลาด และที่สำคัญคือการมอบของขวัญสุดพิเศษส่งท้ายปีให้กับแฟนบอล
หวังว่าทุกๆ อย่างจะเป็นไปตามที่บรรดา “เร้ด อาร์มี่” คาดหวังเอาไว้นะ
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น