เก็บตก 5 ข้อหงส์แดง พังยับคาบ้าน


ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้น่าผิดหวังในเกมที่เปิดรังแอนฟิลด์ แพ้ อตาลันต้า 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดที่ 4 เมื่อวันพุธที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขายังต้องลุ้นในการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป



1) หงส์แดง เป็นรองอย่างสิ้นเชิง


ก่อนอื่นนัดนี้ต้องชม อตาลันต้า ที่แก้เกมมาได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากโดนอัดคาบ้านมา 0-5 เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ซึ่งในวันนี้พวกเขาสามารถคุมเกมเอาไว้ได้ในกำมือตลอด 90 นาที


ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้ ลิเวอร์พูล ได้เล่นตามที่ถนัดเลย ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในคำถามที่หลายคนค้างคาใจคือการจัดตัวที่เห็นได้ชัดว่าประมาทผู้มาเยือนที่มีดีกรีขึ้นชื่อในเรื่องเกมรุกอันดุดันด้วยการส่งแผงหลังดางรุ่งลงสนามพร้อมกันถึงสองคน


แถมยังพักตัวหลักอย่าง โรเบิร์ตสัน ฟาบินโญ่ หรือแม้แต่ ดิโอโก้ โชต้า เอาไว้ข้างสนามทั้งหมด จึงไม่แปลกที่ตลอดทั้งเกมพวกเขาจะโดนบุกอย่างหนัก อีกทั้งยังหาโอกาสยิงที่มีลุ้นได้เพียง 1 หนถ้วน ๆ เท่านั้น และที่เลวร้ายสุด ๆ คือยังยิงไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว



2) ซาลาห์ สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ 100 %


โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เล่นหลุดฟอร์มไปเลยในเกมนี้ แต่พอจะพูดได้ว่านักเตะเพิ่งจะหายจากอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ฟอร์มยังไม่คงเส้นคงวา แถมสภาพความฟิตก็ดูเหมือนยังไม่เต็มร้อย แต่ที่ คล็อปป์ จับลงสนามเพราะต้องการให้เขาได้เรียกความคุ้นเคยเกมกลับมาอีกครั้ง


หากมองจากความเป็นจริงต้องบอกว่า ซาลาห์ มีสภาพร่างกายที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย จังหวะการเข้าปะทะกับคู่แข่งก็ทำไม่ดี ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ น่าจะเลือกให้เขาเป็นตัวสำรองมากกว่าเป็นตัวจริงในเกมนี้ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะถูกส่งมาแทน ดาวเตะแดนมัมมี่ หลังเกมผ่านไป 1 ชั่วโมง



3) เกมรุกหงส์แดงขาดความเฉียบคม


คล็อปป์ ยังคงเลือกใช้ระบบ 4-3-3 ในแมตช์นี้ ซึ่งเป็นแท็กติกที่เขาใช้เป็นประจำ แต่สำหรับเกมรับมือ อตาลันต้า แต่วันนี้ดูเหมือนแนวรุกทั้ง 3 ประสาน จะนัดกันฟอร์มฝืด เล่นกันไม่ดีเลยในเกมนี้


โดยเลือกใช้งาน ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ ดิว็อค โอริกี้ เป็น 3 ประสานในแนวรุก ซึ่งว่าด้วยกันชื่อชั่นก็น่าจะทำประตูให้กับทีมได้ ทว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง พวกเขามีโอกาสยิงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจาก “โม ซาลาห์” และไม่เข้ากรอบเลย ซึ่งเรื่องแบบนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในยุคที่ คล็อปป์ คุมหงส์แดงในถิ่นแอนฟิลด์


สำหรับในรายของ มาเน่ กับ ซาลาห์ แม้เกมนี้จะเล่นไม่ออก แต่ก็คงไม่โดนตำหนิอะไรมากนัก ส่วน โอริกี้ คงต้องยอมรับว่าเวลาของเขากับการลงเล่นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล เหลือน้อยเต็มที สงสัยมนต์แห่งมหาเทพของดาวเตะชาวเบลเยียม จะค่อยๆ หมดไปซะแล้ว




4) อย่ามองข้าม มินามิโนะ


แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่น ดูเหมือนจะได้รับโอกาสมากขึ้นในช่วงต้นซีซั่นนี้ หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นพร้อมกับยิง 1 ประตูในเกมชิงโล่การกุศล แชร์ริตี้ ชิลด์ และยังซัด 2 ประตูในศึกคาราบาว คัพ แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวยังมีฟอร์มไม่ถูกใจ คล็อปป์ ซักเท่าไหร่


ขนาดในช่วงที่ ฟีร์มีโน่ ฟอร์มตก และแนวรุกมีปัญหาบาดเจ็บ มินามิโนะ ก็ยังคงต้องนั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง สำหรับในเกมรับมือ อตาลันต้า แน่นอนว่า “เดอะ เร้ดส์” มี 9 คะแนนเป็นจ่าฝูงกลุ่ม ดี และสถานการณ์ค่อนข้างผ่อนคลาย ซึ่งแน่นอนว่ามีโอกาสที่เขาจะได้ลงเล่นตัวจริง ราคาบอล


สุดท้าย คล็อปป์ ยังคงจับนักเตะเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม ก่อนจะเปลี่ยนตัวลงมาในช่วง 5 นาทีสุดท้าย แน่นอนว่าเวลาเพียงแค่นั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เขางัดฟอร์มเก่งออกมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มินามิโนะ คงจะต้องอดทนรอโอกาสของเขาต่อไป



5) สถานการณ์กลุ่ม D ยังเปิดกว้าง


หาก “หงส์แดง” สามารถเอาชนะที่แอนฟิลด์ได้ในเกมนี้ คงจะเพียงพอทำให้พวกเขาได้ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ในเมื่อทีมพ่ายแพ้ กอปรกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จัดการดับว่า มิดทิลแลนด์ นั่นหมายความว่าทีมของ คล็อปป์ ยังไม่การันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์


เกมต่อไปพวกเขามีคิดเปิดบ้านรับมือ อาแจ็กซ์ ในวันอังคารที่ 1 ธันวาคมนี้ จากนั้นต้องเดินทางไปเยือน มิดทิลแลนด์ ที่ประเทศเดนมาร์ก ในอีกสัปดาห์หลังจากนี้ ฉะนั้นพวกเขาจะต้องมีสมาธิกับทั้งสองเกมนี้อย่างมาก หากไม่อยากจะน้ำตาตกในรอบแบ่งกลุ่ม


ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะแค่ 1 เกมจาก 2 แมตช์ที่เหลืออยู่ก็จะการันตีการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไป









เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน



































ความคิดเห็น