อังเดร อาร์ชาวิน กลายเป็นดาวเตะดังระเบิดแจ้งเกิดข้ามคืนไปโดยปริยาย หลังระเบิดฟอร์มเด็ด จับเป็ดใส่ปี๊บด้วยการเหมาคนเดียว 4 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกระหว่างลิเวอร์พูล-อาร์เซนอล ที่จบลงด้วยผลเสมอสุดมันส์ 4-4
อังเดร อาร์ชาวิน มีชื่อเต็มว่า อังเดร เซอร์เกเยวิช อาร์ชาวิน เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1981 ที่เมืองเลนินกราด สหภาพโซเวียต โดยอาร์วินเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำที่มีความเร็วและเต็มไปด้วยทักษะการครองบอล อ่านเกม และการสร้างสรรค์เกมส์รุกที่เฉียบขาด อย่างไรก็ดี เขาก็ยังสามารถเล่นตำแหน่งในมิดฟิลด์ตัวรุก และปีกได้ดีไม่แพ้กันอีกด้วย
อาร์ชาวิน เริ่มต้นค้าแข็งโดยเข้าศึกษาที่โรงเรียนสอนฟุตบอล ซเมน่าในปี 1992 จากนั้นสโมสร เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศรัสเซียได้เรียกตัวเข้าสู่ค่ายเยาวชนของสโมสร เซนิตฟอร์ม ซึ่งเป็นทีมชุดสำรองของ เซนิต เมื่อปี 2000 อาร์ชาวิน ได้ลงสนามให้ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลอินเตอร์โตโต้ คัพ ประจำฤดูกาลที่ไปเยือน แบร็ดฟอร์ด ซึ่งเซนิตชนะ 3-0 โดยอาร์ชาวินได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล
จากนั้น อาร์ชาวินได้พาทีมอาร์ชาวินเป็นแชมป์ในรายการต่างๆ ภายในประเทศ แชมป์รัสเซียพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2003 และ 2007 และแชมป์ยูฟ่าคัพ และรัสเซียซูเปอร์ คัพในฤดูกาล 2008 ทั้งนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลรัสเซียพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2007 ที่เซนิตสามารถคว้าแชมป์ อาร์ชาวินได้ลงสนามเป็นเป็นตัวจริงถึง 30 นัดทำได้ 10 ประตูและทำแอสซิสต์ได้ 11 ครั้ง
ต่อมาในเดือนมิถุนายนผู้จัดการส่วนตัวของอาร์ชาวินได้ยื่นเรื่องขอย้ายตัวให้กับนักเตะซึ่งมีสโมสรจากยุโรปให้ความสนใจในตัวอาร์ชาวิน คือ บาร์เซโลน่า, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อินเตอร์ มิลาน,อาร์เซน่อล และเอฟเวอร์ตัน
แต่สื่อมวลชนก็คาดหมายว่า บาร์ซ่าเป็นทีมที่ได้เปรียบมากที่สุด จากการที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า ชื่นชอบทีมนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้ในช่วงปลายปี 2007 เขาจะยังให้ความสนใจข้อเสนอจากนิวคาสเซิ่ลก็ตาม
จากความสำเร็จในรัสเซียและผลงานอันยอดเยี่ยมของ อาร์ชาวินในนามทีมชาติทำให้ อาร์เซน่อล ยอดทีมของพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้ตัวเขาไป ในราคา 15 ล้านปอนด์ แต่เป็นเพราะว่าอายุของอาร์ชาวินยังน้อยทำให้เขายังไม่ได้ลงเล่นให้ปืนใหญ่ทันทีที่ย้ายไปและหลังๆ ก็ได้รับโอกาสลงเล่นโดยผลงานคือลงสนาม 15 นัดยิงได้ 6 ประตูแอสซิสอีก 7 ครั้ง
หลังจากนั้นก็ฉายแววเพชฌฆาตในการถล่มประตูให้อาเซน่อล และสร้างชื่อได้อย่างเต็มตัวในแมตช์ที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 4-4 ซึ่งในเกมส์นั้นอาร์ชาวินทำคนเดียว 4 ประตู แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมปืนใหญ่คว้าแชมป์อะไรมาครองได้เลยในปีนั้นถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้ แต่ แฟนๆ”เดอะ กันเนอร์ส” คงไม่มีวันลืมเกมมหัศจรรย์ในความทรงจำนี้อย่างแน่นอน
และอยู่กับปืนใหญ่อีกหลายฤดูกาลก่อนที่จะอำลาทีมกลับไปเล่นให้กับ เซนิต ในประเทศรัสเซียเหมือนเดิมก่อนที่จะมาประกาศแขวนสตั้ดด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในวัย 37 ปี
อาร์ชาวิน ติดทีมชาติครั้งแรก ในนัดที่ทีมชาติรัสเซียพบกับ เบลารุส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2002 และทำประตูแรกได้ ในนัดกระชับมิตรกับโรมาเนีย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2003 ทั้งนี้ อาร์ชาวิน ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 หรือ “ยูโร 2008” รอบคัดเลือก กับ เอสโตเนีย ราคาบอลไหล
กุส ฮิดดิงก์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติรัสเซีย ประกาศชื่อ อาร์ชาวิน ให้เข้าร่วมฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้จะติดโทษห้ามแข่งขัน 2 นัด แต่เมื่อได้ลงสนามเป็นนัดแรก ในนัดสุดท้ายของรอบ 16 ทีม ที่รัสเซียพบกับสวีเดน ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทีมให้เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งรัสเซียสามารถชนะฮอลแลนด์ได้ 3-1 โดยอาร์ชาวินทำได้ 1 ประตู และส่งบอลให้ ดิมิทรี ทอร์บินสกี้ ยิงได้อีก 1 ประตู
ทั้งนี้ อาร์ชาวิน ยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำนัดแข่งขัน (แมน ออฟ เดอะแมตช์) ทั้งสองนัดด้วย แต่รัสเซียก็พ่ายให้กับสเปนในรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ก่อนที่สเปนจะขึ้นเป็นแชมป์ของทัวร์นาเมนต์นี้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม อาร์ชาวิน ยังได้รับตำแหน่งกองหน้า ในทีมยอดเยี่ยมของยูโร 2008 ที่ยูฟ่าประกาศหลังจากจบการแข่งขันด้วย
ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 อาร์ชาวิน ได้รับคำชื่นชมถึงฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม จากบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลยุโรปหลายคน เช่น ฮิดดิงก์, อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล, ซีเนดีน ซีดาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส, เซร์คีโอ รามอส กองหลังทีมชาติสเปนของเรอัล มาดริด, แอนดี้ ร็อกซ์เบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของยูฟ่า เป็นต้น
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น