มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงมาเป็นสำรองแต่โชว์ฟอร์มได้ร้ายกาจหลังตะบันแฮตทริกพา “ผีแดง” ไล่ถล่ม แอร์เบ ไลป์ซิก ขาดลอย 5-0 คว้าชัยสองนัดติดมี 6 คะแนนนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม เอช ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
1) โอกาสโชว์ฟอร์มของ ฟาน เดอ เบค
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้โอกาส ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ประจำการที่บทบาทจอมทัพหลัง 2 กองหน้า ดาวเตะเลือดดัตช์ ทำผลงานได้ดีเยี่ยม แม้จะดูไม่หวือหวามากนักแต่เจ้าตัวยังสามารถงัด 2 คีย์พาสกับการเลี้ยงผ่านคู่แข่ง 3 ครั้งสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ในเกมนี้ ในการยืนแดนกลางร่วมกับ ป็อกบา, เฟร็ด และ มาติช โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผงมิดฟิลด์ของ ปีศาจแดง สามารถครองเกมได้อย่างต่อเนื่อง และยังจัดการเกมรุกของ ไลป์ซิก ได้อย่างเด็ดขาด
2) ขุมกำลังเชิงลึกชั้นยอด
ในฤดูกาลนี้ “ผีแดง” มีขุมกำลังเชิงลึกที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก เพราะพวกเขามีตัวเลือกที่จะใช้ลงสนามได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการที่ทีมมีโปรแกรมหนักถี่ยิบจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีกำลังสำรองคอยสลับเปลี่ยนใช้งานได้ตลอดเวลา โดยโซลชา ตัดสินใจดร็อป บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด นั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ในม้านั่งสำรองไปก่อน
เกมนี้ โซลชา เลือกใช้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค จับคู่แดนกลางกับ ปอล ป็อกบา โดยมี เนมานย่า มาติช กับ เฟร็ด ทำหน้าที่จัดการตัดเกมคู่แข่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจัดการแผงมิดฟิลด์ไลป์ซิกจนอยู่หมัด ขณะที่แดนหน้าการใช้งาน อองโตนี่ มาร์กซิยาล กับ เมสัน กรีนวู้ด จับคู่ทะลวงประตูก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน
ขณะที่ในช่วงกลางครึ่งหลัง โซลชา เลือกที่จะส่งตัวหลักอย่าง แฟร์นันด์ กับ แรชฟอร์ด ลงสนามเพราะมองเห็นแล้วว่าเกมรับทีมเยือนเริ่มอ่อนล้า ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะ จอมทัพชาวโปรตุกีส สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ตลอด ส่วน “เจ้าหนูแรช” จัดหนักซัดแฮตทริกซะเลย
3) เกมรับปีศาจแดงเล่นได้อย่างเหนียวแน่น มีระเบียบ
ในช่วง 4 เกมที่ผ่านมา ระบบการเล่นเกมรับของ “ผีแดง” เริ่มมีความนิ่งมากขึ้น และเล่นได้อย่างมีระเบียบวินัย โดยเฉพาะในแมตช์ที่ปะทะกับ ไลป์ซิก สโมสรที่ได้ชื่อว่าเกมรุกที่น่ากลัว เพราะพวกเขายิงประตูในลีกเมืองเบียร์เป็นอันดับ 2 รองจาก บาเยิร์น และยึดจ่าฝูงลีกในเวลานี้
อย่างไรก็ตามในการเยือน “โรงละครแห่งความฝัน” ไลป์ซิก ต้องพบกับความยากลำบากในการเจาะตาข่ายเจ้าบ้าน โดยเฉพาะเกมรับทีมได้อย่างแข็งแกร่งมีระเบียบวินับ แทบจะไม่พลาดให้เห็นเลย ที่สำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บ 2 คลีนชีตติดต่อกันหลังจากที่เกมก่อนหน้านี้เพิ่งรับมือ เชลซี พร้อมกับผลเสมอ 0-0 ราคาบอล
4) แรชฟอร์ด แฮตทริคฮีโร่
มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 63 แทน เมสัน กรีนวู้ด และนักเตะแสดงให้โลกได้เห็นแล้วว่าเขาคือหัวหอกเบอร์ 1 แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเขาใช้เวลาราว 30 นาทีจัดการระเบิดแฮตทริก ถือเป็นฟอร์มที่สุดเพอร์เฟกต์ของ “เจ้าหนูแรช” อย่างแท้จริง
จากแฮตทริกดังกล่าวทำให้แรชฟอร์ด กลายเป็นนักเตะคนที่สองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สามารถซัดแฮตทริกได้ในฐานะตัวสำรอง หลังจากที่ โซลชา ซึ่งนั่งกุมบังเหียนทีมในปัจจุบัน เคยทำได้ในแมตช์ที่ชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เมื่อปี 1999
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ยังกลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในหน้าประวัติศาสตร์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สามารถซัด 3 ประตูในฐานะตัวสำรอง โดยนักเตะอยู่ในสนาม 27 นาทีซึ่งถือว่าใช้เวลาน้อยที่สุดที่สามารถซัดแฮตทริกในเกมถ้วยใบโตยุโรปด้วย
5) พลังแฝงโซลชา
เข้าสู่ช่วงกลางเดือนตุลาคม ปีศาจแดง ต้องเจอโปรแกรมหนักและยากทั้งสิ้น ทั้งในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้หลายคนหวั่นเกรงว่า โซลชา จะเอาตัวรอดผ่าน 7 เกมอันตรายนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม “น้าลูกอม” มักจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่กดดันแบบนี้ไปได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่โดนแรงกดดันจนเก้าอี้กุนซือร้อน เขามักจะบรรเจิดมันสมอง วางหมากปรับแท็คติกจนทำให้ทีมเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม
เกมรุกที่ดุดันเกมรับที่เหนียวแน่น ทุกตำแหน่งมีความสมดุลอย่างมาก กลับมาเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หลายๆ คนรู้จักอีกครั้ง โดยผ่านไป 4 จาก 7 แมตช์อันตรายที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเก็บชัยชนะ 3 แมตช์และเสมอ 1 เกมเท่านั้น
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น