4 ตัวสำรองทำแฮตทริกได้ใน ชปล.


มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า “ปีศาจแดง” สามารถทำแฮตทริกให้ต้นสังกัดได้เป็นครั้งแรกในอาชีพการเล่น และ ยังเป็นนักเตะคนที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ลงสนามมาเป็นสำรองแล้วซัดแฮตทริคได้ แถมเขายิงได้ 3 ลูกทั้งที่เกมนี้เป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้นด้วย โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 63

   
ทั้งนี้ ผลงานดังกล่าวทำให้ แรชฟอร์ด กลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วสามารถทำแฮตทริกได้ และวันนี้เราจะมาย้อนดูกันว่า 4 คนก่อนหน้านี้มีใครกันบ้าง



1) อูเว่ รอสเลอร์: ไกเซอร์สเลาเทิร์น ชนะ เอชเจเค เฮลซิงกิ 5-2 วันที่ 9 ธันวาคม ปี 1998


มันมีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะมีการเปลี่ยนตัวตั้งแต่ครึ่งแรกในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก และนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเมื่อ รอสเลอร์ โดนเปลี่ยนตัวกับ แฮร์รี่ โคช ตั้งแต่นาทีที่ 38 โดยที่ตอนนั้น เฮลซิงกิ นำอยู่ 1-0 ด้วย อย่างไรก็ตาม รอสเลอร์ ก็โชว์ความสุดยอดด้วยการโหม่งตีเสมอให้ทีมได้ในนาทีที่ 43 ทำให้ครึ่งแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1


พอถึงนาทีที่ 61 รอสเลอร์ ก็โหม่งทำประตูให้ทีมหนีห่างเป็น 3-1 ได้ ก่อนจะทำประตูที่ 3 ของตัวเองในนาทีที่ 80 จนช่วยให้ ไกเซอร์สเลาเทิร์น หนีห่างเป็น 4-2 ซึ่งประตูที่ 3 ของเขาก็มาจากการโขกเช่นกัน เรียกได้ว่า 3 ประตูในวันนั้นของเขามาจากลูกโหม่งทั้งหมด โดยถ้านับระยะห่างระหว่างตอนลงสนามกับตอนที่เขาทำแฮตทริกได้นั้นมันก็ถือว่าเขาใช้เวลาไปราว 42 นาทีด้วยกัน



2) โฆเซบา ยอเรนเต้ : บียาร์เรอัล ชนะ อัลบอร์ค 6-3 วันที่ 21 ตุลาคม ปี 2008


ยอเรนเต้ ถูกเปลี่ยนตัวกับ กีเยร์โม่ ฟรังโก้ ในช่วงพักครึ่ง โดยที่ตอนนั้นสกอร์เสมอกันอยู่ 2-2 ซึ่ง ยอเรนเต้ ก็ทำประตูแรกให้กับตัวเองในนาทีที่ 66 จนทำให้ บียาร์เรอัล ขึ้นนำ 3-2 ก่อนที่เขาจะใช้เวลาอีกเพียง 3 นาทีในการทำประตูที่ 2 ของตัวเองจนทำให้ทีมหายใจได้คล่องขึ้น


ยอเรนเต้ มาทำแฮตทริกได้ด้วยการยิงในช่วง 7 นาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งมันก็เป็นประตูปิดท้ายของ บียาร์เรอัล ในวันนั้นด้วย ทำให้โดยรวมแล้วเขาใช้เวลาในสนาม 37 นาทีก่อนที่จะทำแฮตทริกได้ โดยในฤดูกาลนั้นเขายังทำประตูในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีก 1 ลูกด้วย ก่อนที่ “เรือดำน้ำสีเหลือง” จะจอดป้ายที่รอบก่อนรองชนะเลิศด้วยน้ำมือของ อาร์เซน่อล



3) วอลเตอร์ ปันดินี่ : เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 4-3 วันที่ 7 มีนาคม ปี 2001



วันนั้น ปันดิอานี่ ถูกเปลี่ยนตัวลงเล่นในช่วงพักครึ่ง ซึ่งเป็นตอนที่ “ซูเปอร์เดปอร์” โดนนำไปแล้ว 0-2 แถมพอถึงนาทีที่ 55 ปารีสฯ ก็มาได้ลูกที่ 3 อีก ทำให้ตอนนั้นหลายคนเชื่อว่าทีมดังจากสเปนน่าจะแพ้คารัง ริอาซอร์ แน่นอน สปอร์ตพูล


แต่ ปันดินี่ ก็จุดประกายความหวังให้เจ้าถิ่นด้วยการทำประตูในนาทีที่ 57 และพอ ดีเอโก้ ทริสตัน ทำประตูตีตื้นเป็น 2-3 ให้กับ ลา กอรุนญ่า ในนาทีที่ 60 ได้แล้วนั้น ปันดินี่ ก็มาเหมาคนเดียว 2 ลูกในนาทีที่ 76 กับ 84 จนทำให้ ลา กอรุนญ่า แซงชนะไปแบบสุดสนุก ทำให้ ปันดินี่ ใช้เวลาไป 38 นาทีสำหรับการทำแฮตทริกในวันนั้น



4) คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ชนะ คลับ บรูช 5-0 วันที่ 22 ตุลาคม ปี 2019


ดาวยิงชาวฝรั่งเศสต้องรอถึงนาทีที่ 52 กว่าที่จะได้รับโอกาสลงเล่น แต่เขาก็ใช้มันอย่างคุ้มค่าเมื่อทำประตูแรกของตัวเองได้ในอีก 9 นาทีต่อมา โดยมันเป็นลูกที่ทำให้ ปารีสฯ หนีห่างเป็น 2-0 ก่อนที่เขาจะทำประตูที่ 2 ได้ในนาทีที่ 79 ซึ่งนั่นเป็นลูกที่ทำให้ทีมของเขานำ 4-0 ตามไปด้วย


เข้าสู่ช่วง 7 นาทีสุดท้าย เอ็มบั๊ปเป้ ก็มาทำแฮตทริกได้สำเร็จ ส่งผลให้เขาใช้เวลาไป 31 นาทีก่อนที่จะทำแฮตทริกได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้เป็นเจ้าของสถิติการเป็นตัวสำรองที่ทำแฮตทริกได้ด้วยการใช้เวลาอยู่ในสนามน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ก่อนที่จะโดน แรชฟอร์ด ทำลายไปสดๆ ร้อนๆ หลังจากที่แข้งชาวอังกฤษใช้เวลาอยู่ในสนามราว 27 นาที









เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน














































ความคิดเห็น