“ปีศาจแดง” ยังต้องหาชัยชนะในบ้านเกมลีกซีซั่นนี้ต่อไป หลังทำได้แค่เสมอกับ เชลซี แบบไร้สกอร์ 0-0 ในเกมบิ๊กแมตช์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเกมนี้ เอดินสัน คาวานี่ ลงมาเป็นสำรองประเดิมเกมแรกให้ แมนฯยูไนเต็ด ด้าน “สิงห์บลูส์” เกมนี้ได้ เอดูอาร์ เมนดี้ ช่วยเซฟทำให้บุกมาแบ่งแต้มได้
1) เปิดตัวเกมแรก คาวานี่
คาวานี่ เข้ามาสวมเสื้อหมายเลขในตำนานของ “ปีศาจแดง” แน่นอนว่าเสื้อเบอร์ 7 และหลังจากกักตัว 14 วันพร้อมกับเรียกความฟิต คาวานี่ ก็มีชื่อเป็นครั้งแรกในเกมพบ เชลซี โดยออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง
นาทีที่ 58 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจเปลี่ยนเอา แดน เจมส์ ที่ฟอร์มตกฮวบมาร่วมปีออกและตัดสินใจส่งกองหน้าตัวความหวังคนใหม่อย่าง เอดิสัน คาวานี่ ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองเป็นเกมแรก ซึ่งลงมาได้เพียงไม่กี่นาทีเจ้าตัวเกือบสร้างความฮือฮาด้วยการเกือบทำประตูได้ตั้งแต่สัมผัสแรก แต่น่าเสียดายที่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวหายไปพักใหญ่เพราะบอลไปไม่ถึงเขาสักทีซึ่งมันสะท้อนให้เห็นคุณภาพการผ่านของทีมอย่างชัดเจน ก่อน คาวานี่ จะโผล่มายิงบอลติดบล็อก ติอาโก้ ซิลวา อีกหนึ่งครั้ง
โดยรวมแล้วแม้ว่าจะมีโอกาสน้อยแต่เจ้าตัวแสดงให้เห็นความเป็นเพชฌฆาตในเขตโทษไม่ว่าจะเป็นการหาตำแหน่งและการหาโอกาสยิงซึ่งคงจะหาไม่ได้จาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด
2) เมนดี้ มือ 1 เชลซีคนใหม่
หลังจากทนเห็นความผิดพลาดของ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มาหลายต่อหลายครั้ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงตัดสินใจซื้อตัว เอดูอาร์ เมนดี้ จาก แรนส์ ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์เพื่อมากดดันมือหนึ่งของทีม
ก่อนเกมนี้ แลมพาร์ด คอนเฟิร์มว่า เมนดี้ ขยับขึ้นมาเป็นมือหนึ่งเรียบร้อยแล้วหลังจากทำผลงานน่าประทับใจ และในค่ำคืนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาก็โชว์ให้เห็นว่าทำไมถึงสมควรเป็นมือหนึ่ง จังหวะเซฟลูกยิงของ แรชฟอร์ด และ มาต้า ในครึ่งแรกว่าสุดยอดแล้ว ช่วงท้ายเกมลูกยิง แรชฟอร์ด ที่เป็นจังหวะชี้เป็นชี้ตายก็โชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดบอลออกไปอย่างเหลือเชื่อ ไม่แปลกใจที่เขาจะคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ไปครอง
เมนดี้ กลายเป็นผู้รักษาประตูเชลซีคนแรกนับตั้งแต่ ปีเตอร์ เช็ก ที่เก็บคลีนชีทจากการลงเล่นสองนัดแรกในพรีเมียร์ลีก มากไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้รักษาประตูเชลซีคนแรกที่เก็บคลีนชีทในเกมลีกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด นับตั้งแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำได้ในเดือนธันวาคมปี 2015
3) ทั้งสองทีมเล่นด้วยความรัดกุม
วันนี้ทั้งสองทีมปรับหมากในการเล่นมาพอสมควรจากเมื่อเกมกลางสัปดาห์ แต่ที่สังเกตได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือตัวผู้เล่นที่ เชลซี มาในระบบหลัง 3 ตัว รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ส่งทั้ง เฟร็ด และ แมคโทมิเนย์ ลงมาไล่บอลในแดนกลางแทนที่จะเป็น ป็อกบา หรือ ฟาน เดอ เบ็ค ที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่า อีกทั้งแท็คติกต่างฝ่ายต่างเล่นค่อนข้างเซฟตัวเอง เชลซี มาเน้นเกมรับเป็นพิเศษ
ส่วนผีแดงก็ไม่ยอมเปิดเกมรุกแบบผลีผลาม อาศัยความแน่นอน และไม่เสี่ยง ต่างฝ่ายต่างผลัดกันถอยลงมารับต่ำในแดนตัวเองโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก ทำให้การขึ้นเกมทำได้ค่อนข้างยากลำบาก แบ็คก็เติมไม่สุด แผงหลังไม่ดันขึ้นสูง ทำให้เกมที่หลายคนคาดว่าคงจะเปิดแลกกันอย่างสนุกดูกร่อยลงไปพอสมควรเลยทีเดียว ข่าวแมนยู
4) ฟาน เดอ เบ็ค ยังคงนั่งสำรองต่อไป
เกมนี้เป็นอีกวันที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์ตัวใหม่ป้ายแดงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้รับโอกาสให้ลงมาแสดงฝีเท้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว แถมเกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าตัวยังได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น นั่นหมายความว่าตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมามีเพียงฟุตบอลถ้วย คาราบาว คัพ ที่พบกับ ไบรท์ตัน เพียงนัดเดียวเท่านั้นที่ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที
จนแล้วจนเล่ามิดฟิลด์วัย 23 ปีก็ยังไม่ได้ประเดิมตัวจริงในลีก ส่วนใหญ่เขาจะได้รับโอกาสในช่วงท้ายเกมมากกว่าซึ่งมันคงวัดผลงานอะไรไม่ได้จากจุดนี้
ปาทริซ เอวร่า ตำนาน “ผีแดง” กล่าวหลังเกมนี้ว่า “เราสร้างโอกาสเน้นๆไม่ได้เลยในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องคุมเกมให้ได้ ไม่ใช่รอจนถึง 15 นาทีสุดท้ายแล้วค่อนเปลี่ยนตัว ผมกำลังพูดถึง ฟาน เดอ เบ็ค แล้วเราจะซื้อเขามาทำไม? เขาทำได้แค่นั่งดูจากอัฒจันทร์ทุกๆเกม”
5) สถิติผีไม่ดี
ปิดท้ายกันด้วยสถิติน่าสนใจกัน ผลการแข่งขันนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สะกด “ชัยชนะ” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้ในสามเกมแรกของฤดูกาลซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1972-73 เลยทีเดียว นอกจากนี้หากนับรวมฤดูกาลที่แล้ว “ผีแดง” ไร้ชัยในเกมลีกที่บ้านของตัวเองมา 5 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 2) ซึ่งถือเป็นสถิติที่นานที่สุดนับตั้งแต่ไม่ชนะ 6 เกมติดช่วงปี 1990
ในทางกลับกัน เชลซี มีสถิติที่ดีพอสมควรในการกลับออกไปด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ โดยนี่เป็นการเก็บคลีนชีทในลีกเกมเยือนนัดแรกนับตั้งแต่เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-0 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018-19
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น