ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ชื่อนี้ไม่มีใครในโลกลูกหนังที่ไม่รู้จักเพราะเขาคนนี้คือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่างไร้ข้อกังขา แข้งอิตาเลียนค้าแข้งกับยอดทีมในยุโรปไม่ว่าจะเป้นนาโปลี, ยูเวนตุส หรือแม้แต่เรอัล มาดริด และคว้าแชมป์มาครองมากมาย กัปตันทีมชาติอิตาลี
ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (Fabio Cannavaro) เป็นหนึ่งในสุดยอดกองหลังของโลกมาช้านาน และได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะกองหลังสุดแกร่งที่มีพร้อมสรรพทั้งการอ่านเกม แรงปะทะ และหัวจิตหัวใจที่ไม่ท้อถอย แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้สูงใหญ่อะไรเลยเพราะมีส่วนสูงแค่ 176 ซ.ม.เท่านั้นเอง เกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ปี 1973 ที่เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี
สมัยเป็นเด็ก คันนาวาโร ชื่นชอบฟุตบอลเหมือนเด็กทั่วไป โดยทีมโปรดคือ นาโปลี ทีมดังประจำเมือง ส่วนไอดอลคือ ดิเอโก้ มาราโดน่า และ ชิโร่ แฟร์ราร่า แต่ตอนเข้าร่วมทีมเยาวชนของ นาโปลี ตำแหน่งแรกของ คันนาวาโร่ คือตำแหน่งกองกลาง เหมือนกับ มาร์โก ตาร์เดลลี ไอดอลอีกคน ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ค
ตอนเป็นนักเตะเยาวชน คันนาวาโร่ เคยฉายแววอัจฉริยะระหว่างการซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ นาโปลี โดยครั้งหนึ่ง คันนาวาโร่ เคยเข้าสกัด ดิเอโก้ มาราโดน่า ซูเปอร์สตาร์ของทีม
จนทำให้เพื่อนร่วมทีม และสตาฟฟ์โค้ช เกิดอาการไม่พอใจ เพราะหวั่นว่าดาวดังของทีมจะได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ดี มาราโดน่า กลับไม่ได้ว่าอะไร และชื่นชมกับจังหวะนั้นด้วย ก่อนจะมอบสตั๊ดให้เป็นของที่ระลึกหลังจากเสร็จการซ้อมวันนั้น
คันนาวาโร่ ก็ได้เริ่มต้นเส้นทางชีวิตพ่อค้าแข้งที่นาโปลี เป็นทีมแรกในชีวิต และก็สามารถสร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีพรสวรรค์ของการเป็นกองหลังอยู่เต็มเปี่ยม และได้เริ่มต้นเล่นเกมกัลโช่ เซเรีย อา ในวันที่ 7 มี.ค.1993 ในการออกไปเยือนทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส ว่าที่ทีมในอนาคตของเขาที่ขณะนั้นโดยที่ยังไม่รู้ตัว
คันนาวาโร่ เป็นแกนหลักของนาโปลี ที่อยู่ในยุคตกต่ำหลังการจากไปของมาราโดน่าได้ไม่นาน ก็ต้องถูกขายทอดตลอดให้ปาร์ม่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเพราะเป็นการย้ายทีมเพื่อหาเงินช่วยสโมสรแรกของเขา
แต่เป็นที่ทีม “จัลโล่บลู” นี่เองที่กลายเป็นแหล่งเพาะพรสวรรค์ของเขาอย่างแท้จริง เมื่อคันนาวาโร่ แจ้งเกิดในฐานะกองหลังดาวรุ่งพรสวรรค์ของวงการฟุตบอลอิตาลี โดยจับคู่กับ ลิลิยอง ตูราม กองหลังตัวแกร่งชาวฝรั่งเศส และ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ต่อมาทั้ง 3 ได้กลายเป็นนักเตะระดับโลกกันถ้วนหน้า
คันนาวาโร่ ผนึกกำลังกับตูราม และบุฟฟ่อน เป็นสามทหารเสือแนวรับที่ช่วยทำให้ทีมมีผลงานดีเยี่ยม และมีฤดูกาลที่ดีที่สุดในปี 1997 เมื่อสามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับ 2 เป็นรองแค่ยูเวนตุสเท่านั้น ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา 1998-99 ปาร์ม่า จะได้ดับเบิ้ลแชมป์ ยูฟ่า คัพ และแชมป์โคปา อิตาเลีย
คันนาวาโร่ รับใช้ปาร์ม่าอย่างซื่อสัตย์อยู่ 7 ปี ก็ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 32 ล้านยูโร แต่ไม่ประสบความสำเร็จก่อนจะยุติเส้นทางกับทีมเนรัซซูรี่ ไว้แค่ 2 ปีเท่านั้น โดยมียูเวนตุส รับใช้บริการต่อ
และที่ทีมเบียงโคเนรี่ คันนาวาโร่ ได้กลับมาผนึกกำลังกับเพื่อนเก่าอย่าง ตูราม และบุฟฟ่อนอีกครั้ง และทำให้ยูเว่ มีแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในกัลโช่ เซเรีย อา รวมถึงยุโรป และในปี 2005 คันนาวาโร่ ก็ได้สัมผัสกับ “สคูเด็ตโต้” หรือแชมป์อิตาลี เป็นครั้งแรกก่อนที่จะได้แชมป์สมัยที่ 2 ในปีถัดมา
ในฟุตบอลโลก 2006 คันนาวาโร่ ที่ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติชุดนี้เนื่องจากไร้เงาของ เปาโล มัลดินี่ ก็กลายเป็นผู้นำขุนพลอัซซูรี่ เดินไปรับถ้วยฟีฟ่า เวิลด์ คัพ หลังจากที่อิตาลี สามารถล้างแค้นทีมฝรั่งเศสได้ในการดวลจุดโทษ และนี่ถือเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคันนาวาโร่ ราคาบอล
นอกจากอิตาลีจะได้แชมป์แล้ว คันนาวาโร่ยังกลายเป็นกองหลังอิตาลีคนแรกที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปได้ในปี 2006 ก่อนจะตามด้วยรางวัล FIFA World Player of the Year
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเขาต้องพลิกผันครั้งสำคัญเมื่อยูเวนตุส ต้นสังกัดถูกศาลตัดสินให้มีความผิดในคดีการมีส่วนต่อการล้มบอลและโดนปรับตกชั้นไปเล่นในกัลโช่ เซเรีย บี ทำให้เหล่าขุนพลเบียงโคเนรี่ ที่ไม่สามารถทนรับการเล่นในดิวิชั่นต่ำกว่าได้กระจัดกระจายแยกย้ายไปคนละทิศทาง ซึ่งคันนาวาโร่ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
คันนาวาโร่ เลือกย้ายมาอยู่กับทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด พร้อมกับ เอเมอร์สัน กองกลางชาวบราซิล และปักหลักเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของลา เรอัล ในช่วงปี 2006-2009
คันนาวาโร่ ค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เป็นเวลา 3 ฤดูกาล โดยได้เป็นตัวหลักของทีม ลงสนามในเกมลีก 94 นัด แต่เริ่มมีปัญหาฟอร์มตกในระยะหลัง โดยเฉพาะฤดูกาล 2008-09 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้าย เนื่องจากตอนนั้น คันนาวาโร่ มีอายุย่างเข้า 36 ปีแล้ว
ช่วงซัมเมอร์ ปี 2009 คันนาวาโร่ กลับไปเซ็นสัญญา 1 ฤดูกาลกับ ยูเวนตุส ต้นสังกัดเก่า แต่อย่างไรก็ดี ฟอร์มการเล่นของ คันนาวาโร่ ก็ยังมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนบอล เพราะยังเคืองที่ทิ้งสโมสรไปตอนตกชั้น และได้อยู่กับทีมแค่ปีเดียว
หลังหมดสัญญากับ ยูเวนตุส เมื่อจบฤดูกาล 2009-10 คันนาวาโร ไปเซ็นสัญญากับ อัล อาห์ลี ทีมในลีกยูเออี แต่เล่นได้แค่ปีเดียวก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ด เพราะมีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า ยุติการเล่นฟุตบอลอาชีพไว้ที่ 17 ปี
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น