ในขณะที่ชีวิตของซูเปอร์สตาร์ลูกหนังหลายคนเริ่มต้นด้วยการเป็นดาวจรัสแสงตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ แต่สำหรับลูก้า โทนี่ ประสบการณ์อันโชกโชนจากการเคี่ยวกรำตัวเองในฐานะนักเตะจอมพเนจรที่รับใช้มาแล้วกว่า 10 สโมสรในเส้นทางชีวิตลูกหนังคือสิ่งที่สร้างเขาให้เป็นอย่างทุกวันนี้
ลูก้า โทนี่ วาร์เค็ตต้า กองหน้าร่างยักษ์ทีมชาติอิตาลีได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของดินแดนรองเท้าบู้ทในรอบ 5 ปีหลังสุด โดยขึ้นมาทดแทนการโรยราของคริสเตียน “โบโบ้” วิเอรี่ ได้พอดิบพอดี และเป็นหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์ฟุตบอลโลกของอิตาลีเมื่อปี 2006 ด้วย
แต่กว่าที่จะขึ้นมายืนอยู่ ณ จุดสูงสุดเคียงบ่าเคียงไหล่ยอดนักเตะดาราดังคนอื่นๆได้ ชีวิตของโทนี่ ก็ต้องผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมามากมาย
ลูก้า โทนี่ เป็นคนเมืองพาวูลโล่ เนล ฟริกนาโน เมืองเล็กๆที่อยู่ในโมเดน่า ซึ่งก็ได้กลายเป็นสโมสรที่ขัดเกลาตัวเขาขึ้นมาในฐานะนักฟุตบอลอสชีพเป็นสโมสรแรก
โทนี่ลงเล่นให้กับโมเดน่า เป็นเวลา 2 ฤดูกาลด้วยกันโดยนับตั้งแต่เปิดตัวในฤดูกาล 1994-95 โดยลงเล่นให้กับโมเดน่าไปทั้งสิ้น 32 นัดและยิงได้ 7 ประตูซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับกองหน้าดาวรุ่งที่ประสบการณ์น้อย
แต่หลังจากนั้นช่วงชีวิตของเขาก็ต้องกลายเป็นจอมพเนจรที่ตระเวนค้าแข้งให้กับสโมสรที่อยู่ในระดับกัลโช่ เซเรีย อา และกัลโช่ เซเรีย บี มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเอ็มโปลี, ฟิออเรนซูโอล่า, โลดิจานี่ และเตรวิโซ่
ช่วงเวลาเหล่านี้ โทนี่ แม้จะมีสถิติการทำประตูที่น่าสนใจโดยเฉพาะในสมัยที่อยู่กับโลดิจานี่ และเตรวิโซ่ ซึ่งยิงได้ฤดูกาลละ 15 ประตูเลยทีเดียว แต่ประสบการณ์ของเขาก็ยังอ่อนด้อยนักเนื่องจากยังไม่เคยได้มีประสบการณ์ในการเล่นระดับสูงสุดอย่างเซเรีย อา
จนกระทั่งในฤดูกาล 2000-01 โทนี่ ก็ได้มีโอกาสลงเล่นในเซเรีย อา เป็นครั้งแรกกับสโมสรวิเชนซ่า และก็สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจด้วยการยิงไป 9 ประตู
ผลงานดังกล่าวทำให้โทนี่ มีโอกาสได้ย้ายสโมสรอีกครั้งโดยคราวนี้เป็นเบรสชา ที่ขอซื้อตัวไปร่วมทีมและนี่เป็นการย้ายทีมที่สำคัญไม่เบาสำหรับกองหน้าที่เหมือนดอกไม้ดอกใหญ่ที่บานช้า ราคาบอล
โทนี่ ได้มีโอกาสลงจับคู่กับ “เทพบุตรเปียทองคำ” โรแบร์โต้ บาจโจ้ สุดยอดนักเตะแห่งวงการลูกหนังมะกะโรนี ที่แม้จะโรยราแต่ความคลาสสิคของโรบี้ก็ยังมีส่วนช่วยเบรสชาให้อยู่รอดในเซเรีย อาได้อย่างสบายๆ ซึ่งตลอด 2 ฤดูกาลที่โทนี่ ได้จับคู่กับบาจโจ้ ก็ช่วยขัดเกลาฝีเท้าได้อย่างมาก
แต่ช่วงที่แจ้งเกิดจริง ๆ ก็คือตอนที่เล่นให้กับ ปาแลร์โม่ ที่เขายิงได้ 50 ประตู ในสองฤดูกาล ฤดูกาล 2005-06 โทนี่ ได้ไปอยู่กับ ฟิออเรนติน่า ทีมชั้นนำของลีกในตอนนั้น และก็ระเบิดฟอร์มสุดยอดยิงไป 31 ประตู ช่วยให้ทีม “ม่วงมหากาฬ” จบเป็นอันดับ 4 ของลีก และกลายเป็นนักเตะอิตาลีคนแรก ที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำยุโรป
ในปีเดียวกัน โทนี่ ติดทีมชาติอิตาลี และมีส่วนสำคัญให้ อิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ในการแข่งขันที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งเจ้าตัวยกให้เป็นปีทองในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
หลังจากที่ ประสบความสำเร็จกับ ฟิออเรนติน่า โทนี่ เลือกหาความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการย้ายไปเล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ของ เยอรมัน เมื่อปี 2007 และเพียงแค่ปีแรก เขาก็พาทีม “เสือใต้” คว้าดับเบิ้ลแชมป์ พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโวของลีก พร้อมได้รับฉายาที่นั่นว่า “อิล บอมเบอร์”
ก่อนจะกลายเป็นนักเตะพเนจรในเวลาต่อมา ทั้งโรม่า, ยูเวนตุส รวมถึงการย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่กับทีมดังในลีกตะวันออกกลางอย่าง อัล นาสเซอร์ แห่งยูเออี ช่วงสั้นๆ เมื่อปี 2012 อีกด้วย
ทว่า ไม่ว่าจะที่ใด โทนี่ กลับไม่เคยทำประตูได้ถึง 10 ลูกเลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว ทั้งๆที่เคยเป็นถึงดาวซัลโวของ เซเรีย อา
สุดท้าย เวโรน่า ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเสือเฒ่าในวัย 36 ปีที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่ 3 ฤดูกาล ลงสนามไปทั้งสิ้น 95 นัด ซัดไป 48 ประตู แถมในฤดูกาล 2014-2015 ที่อายุปาเข้าไป 38 ปีแล้ว เขาสามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ เมาโร อิคาร์ดี้ ได้ด้วยจำนวน 22 ประตู กลายเป็นดาวซัลโวที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก
ลูก้า โทนี่ พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นแมวเก้าชีวิตผู้ไม่เคยตายอย่างแท้จริง
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น