เชลซี รอดจากความปราชัยแบบเหลือเชื่อทั้งที่ตกเป็นฝ่ายตามหลัง เวสต์บอรมวิช ถึง 3 ประตูแต่สุดท้ายพวกเขารวบรวมสมาธิและรัวประตูในครึ่งเวลาหลังจนแบ่งแต้มออกมาจากรัง เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ได้สำเร็จ
และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมกันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไล่มาดูกันทีละข้อเลย
1) เกมรับยังพลาดง่ายเหมือนเดิม
นับตั้งแต่กลับรีสตาร์ทลีกฤดูกาล 2019/20 ไม่มีสโมสรไหนในพรีเมียร์ลีกที่เสียประตูเกมเยือนมากเท่ากับ เชลซี ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด อีกแล้ว
ครึ่งแรกกลายเป็นหายนะของแนวรับของเชลซีจริงๆ ความผิดพลาดของกองหลัง เชลซี ส่งผลให้พวกเขาเสีย 3 ประตู ในครึ่งแรก ทั้ง อลอนโซ่ ที่วันนี้ดูจะมีปัญหาในการรับมือกับแนวรุก เวสต์บรอมวิช ค่อนข้างชัดเจน หรือแม้แต่ รีซ เจมส์ ที่หลงตำแหน่งจนทำให้ทีมเสียประตูที่สาม และที่สำคัญกองหลังตัวใหม่อย่าง ติอาโก้ ซิลวา ก็เล่นผิดพลาดชนิดไม่น่าให้อภัยดันจับบอลพลาดจนโดนคู่แข่งฉกไปยิงประตูแบบง่ายดาย
เชลซี เสียไปแล้วถึง 6 ประตูจาก 3 เกมแรกของพรีเมียรืลีก ไม่ต่างอะไรจากฤดูกาลที่แล้วที่ 3 เกมแรกก็เสียถึง 7 ประตู แลมพาร์ด คงต้องมีการติวแนวรับโดยด่วนรวมถึงสมาธิของนักเตะแต่ละคนด้วย
2) เมสัน เมาท์น โชว์ฟอร์มเยี่ยม
เกมนี้ เมสัน เมาท์น เป็นคีย์แมนสำคัญในเกมรุกที่ช่วยให้ทีมเก็บแต้มสำคัญ เขาออกสตาร์ทตัวจริงเป็นแนวรุกทางฝั่งขวา คอยพยายามหาช่องในแนวรับของเวสต์บรอมวิชและยังจ่ายให้ รีซ เจมส์ ขึ้นมาครอสบอลอยู่หลายรอบ ขณะที่ครึ่งหลังเขาถอยต่ำลงมาเป็นมิดฟิลด์
และโชว์ความสามารถในการผ่านบอลทะลุไลน์กองหลังรวมถึงช่วยให้ทีมครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว บวกกับการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมจากการยิงไกลสุดสวย สมควรกับการเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้
3) เวสต์บรอมฯ ดูดีขึ้น
ความพ่ายแพ้สองนัดแรกและการเสียถึง 5 ประตูบวกกับอีก 1 ใบแดง คงไม่ใช่สิ่งที่ทัพ “เดอะ แบ็กกี้ส์” หวังเอาไว้แน่นอนแต่สำหรับเกมนี้ลูกทีมของ สลาเวน บิลิช โชว์ให้เห็นถึงความใจสู้และสปิริต รวมถึงความตั้งใจเล่นเกมบุกมากขึ้นด้วย
จังหวะการเคาน์เตอร์-แอทแท็กทำได้ค่อนข้างดีมีระบบกว่าสองนัดที่ผ่านมา ความจริงนี่ควรเป็นสามแต้มที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา แต่ถึงจะเก็บผลเสมอมาก็ถือว่าพวกเขาอยู่ในทิศทางที่ดีมากขึ้น ทว่าต่อจากนี้พวกเขาต้องเก็บสามแต้มแรกของซีซั่นให้ได้ ไม่อย่างนั้นมีแววจะต้องลุ้นหนีตกชั้นเหนื่อยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม “มวยโลก” คงต้องหลีกเลี่ยงการเกิดหตุการณ์แบบเกมนี้อีก ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่พวกเขานำคู่แข่งถึง 3 ประตูขึ้นไปแต่พลาดเก็บชัยชนะซึ่งมากที่สุดพรีเมียร์ลีกแล้ว
4) นักเตะใหม่ยังต้องใช้เวลาปรับจูนเข้าหาทีม
แม้ว่าพวกเขาจะดึงตัวนักเตะชื่อดังเข้าสู่ทีมมาได้หลายราย แต่นั่นก็จะกลายเป็นดาบสองคมในทันทีเมื่อพวกเขาเลือกที่จะดันผู้เล่นใหม่ขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมในเวลาที่นักเตะเหล่านั้นยังไม่พร้อม ราคาบอลไหล
และนี่คือปัญหาที่ สิงห์บลู กำลังเผชิญ การที่พวกเขาคาดหวังผลงานจากบรรดาแข้งหน้าใหม่ถึงขนาดจับลงสนามพร้อม ๆ กันหลายคนแทนที่แกนหลักเดิม เช่นการใช้ แวร์เนอร์ ลงแทน ชิรูด์ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดี หรือแม้แต่การเข็น ไค ฮาแวร์ทซ์ ลงสนามในสภาพที่ดูแล้วยังต้องปรับจูนอีกมากนั้น กลับกลายเป็นผลเสียโดยตรงต่อผลงานของทีมและเห็นได้ชัดจาก 3 นัดในลีกที่ผ่านมาที่ฟอร์มการเล่นของพวกเขาดูดร็อปลงไปกว่าเมื่อฤดูกาลก่อนเสียด้วยซ้ำ
5) สถิติน่าสนใจหลังเกม
สถิติน่าสนใจเกมนี้ โดย เชลซี เป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ เวสต์แฮม ปี 2011 ที่สามารถรอดจากความพ่ายแพ้ทั้งที่จบครึ่งแรกตามหลังคู่แข่งถึง 3 ประตูขึ้นไป ซึ่งปีนั้นทีม เวสต์บรอมวิช นี่เองที่โดน “ขุนค้อน” ตามตีเสมอ 3-3 อย่างไรก็ตาม “สิงห์บลูส์” ยังคงทำสถิติการเสียประตูย่ำแย่ต่อเนื่องโดยพวกเขาพลาดเก็บคลีนชีทในเกมเยือน 20 จาก 21 นัดภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ส่วน ติอาโก้ ซิลวา โดนรับน้องตั้งแต่เกมแรกหลังทำสถิติเป็นนักเตะ “เอ๊าฟิลด์” ที่ลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกแล้วทำพลาดจนเสียประตู นับตั้งแต่ อิสซ่า ดิย็อป ของ เวสต์แอม ที่ลงเดบิวต์ในเกมพบ อาร์เซน่อล เดือนสิงหาคม ปี 2018
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น