เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์จบลงไปแบบจืดๆ ด้วยสกอร์ 0-0 โดยงานนี้ ลิเวอร์พูล อาจจะพอใจกับ 1 คะแนนที่ได้ในกูดิสัน พาร์ค เพราะพวกเขาทำผลงานไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก ในขณะ เอฟเวอร์ตัน คงรู้สึกเสียดายที่พลาด 3 แต้ม หลังสร้างโอกาสชัดเจนมากกว่า “หงส์แดง”
แมตช์นี้ทีมเยือนยังมีปัญหานักเตะตัวหลักยังไม่ฟิตเต็มร้อยโดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ต้องนั่งเป็นตัวสำรองเพราะร่างกายยังไม่พร้อม ขณะเดียวกัน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมทั้งเกมรับที่เหนียวแน่น และเกมรุกที่หวือหวา จนทำให้ทีมเกือบได้ประตูเฮ 2-3 ครั้ง
1) ลอฟเรนโชว์เหวออีกแล้ว
ปราการหลังชาวโครเอเชีย มักจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเพื่อนร่วมทีมเป็นประจำ เพราะเขามักจะสกัดบอลแบบโฉ่งฉ่าง และมักจะหลุดตำแหน่งเป็นประจำ จนทำให้ทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งเรื่องแบบนี้แฟนบอล “เดอะ เร้ดส์” เห็นกันจนชินตา
เกมนี้ลอฟเรนลงมาเป็นตัวสำรองแทนมาติปที่มีอาการบาดเจ็บในช่วงนาทีที่ 73 เอฟเวอร์ตัน ก็จัดการโจมตีทางแข้งโครแอตทันที และพวกเขาก็เกือบทำสำเร็จ จากจังหวะที่ ลอฟเรน วิ่งเบียดกับ ริชาร์ลิซอน แล้วก็ลื่นล้ม จากนั้นพยายามวิ่งไปกดดันก็โดนหลอกจนหัวทิ่ม ก่อนหัวหอกเจ้าบ้านจะซัดมุมแคบไปติดเซฟ อลีสซง
2) ลูกเปิดด้านข้างอาโนลด์ไม่ทำงาน
สำหรับในแมตช์บุกเสมอ เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกเกมที่เรดาร์ที่ติดเท้าขวาของ ฟูลแบ็กดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ยังไม่สามารถควำเป้าหมายได้ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะจังหวะการเปิดบอลทางริมเส้นด้านข้าง, การเปิดลูกเตะมุม และการปั่นฟรีคิก ไม่มีจังหวะไหนที่น่าหวาดเสียวเลย
ตอนนี้หลายๆ คนเริ่มมีคำถามแล้วว่า ดาวเตะวัย 21 ปี อาจจะอยู่ในช่วงฟอร์มฝืด เพราะกรำศึกมานาน หรืออาจเป็นเพราะพักยาวไปหน่อยจากช่วงล็อกดาวน์ทำให้ฟอร์มการเปิดบอลยังไม่แม่นยำ
3) มินามิโนะ ยังต้องพัฒนาต่อไป
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่ง ทาคุมิ มินามิโนะ ลงเป็นตัวจริง และนี่คือโอกาสทองของเขาในการที่จะเฉิดฉายกับการลงสนามเป็น 11 คนแรก
แต่จอมทัพทีมชาติญี่ปุ่น ยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่เคยทำเอาไว้กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก แม้จะโชว์ความหวือหวาได้ในระดับนึง แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็แทบไม่มีโอกาสในการสร้างสรรค์เกมให้กับทีมเลย สุดท้ายก็ต้องโดนเปลี่ยนตัวออก น่าสนใจไม่น้อยว่าช่วง 8 เกมทีเหลืออยู่ในซีซั่นนี้ มินามิโนะ จะพัฒนาผลงานของเขาได้หรือไม่ ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
4) หงส์แดงยังไม่คืนฟอร์มเก่ง
ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล ยังอยู่ในฟอร์มที่ไม่คงที่เพราะพวกเขาพักเครื่องไปนานถึง 3 เดือนจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยแมตช์เยือน เอฟเวอร์ตัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทีมขาดการต่อบอลที่ไหลลื่น และไร้ความเฉียบคมในแดนหน้า ราคาบอลไหล
หลังจบเกมนี้ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสภาพความฟิต เพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่วันก็ต้องรับมือ คริสตัล พาเลซ ที่แอนฟิลด์ และหากฟอร์มยังไม่เข้ารูปเข้ารอย กอปรกับนักเตะตัวหลักยังฟิตไม่เต็มร้อย งานนี้มีหวังได้เจองานหนักจากทัพ “ดิ อีเกิ้ลส์” แน่นอน
5) การฉลองแชมป์อาจต้องยืดเวลาออกไป
ดูเหมือนสถานการณ์ในปัจจุบัน เรือใบสีฟ้า อาจยืดเวลาไม่ให้ ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ฉลองแชมป์ออกไปได้อีกหน่อย เพราะหาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะลงแข่งในวันพรุ่งนี้เอาชนะ เบิร์นลีย์ ได้ ลิเวอร์พูล จะยังคงต้องการอีก 5 คะแนน (ชนะอีก 2 เกมเท่าเดิม) จึงจะการันตีการเป็นแชมป์
แต่หากทีมของ เป๊ป เกิดพลาดท่าพลิกล็อกเสมอหรือพ่ายให้กับ เบิร์นลีย์ จะทำให้ หงส์แดง ต้องการอีกเพียง 3 คะแนนเท่านั้นก็จะการันตีการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ในทันที
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น