ในที่สุด 30 ปีที่รอคอยอย่างยาวนานของลิเวอร์พูลก็ได้สิ้นสุดลงเสียที เมื่อหงส์แดงได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขาคือแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีด้วย พร้อมกับเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 19 ของ “หงส์แดง”
แน่นอนว่าเครดิตส่วนใหญ่ถูกยกให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันที่วางแท็กติกได้ดี และเสริมทัพได้ถูกจุดตลอดช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นอกจาก 2 ประเด็นนั้นแล้วมันก็ยังมีจุดอื่นๆ อีกที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มาได้ไกลถึงทุกวันนี้ อย่างเช่น 3 ข้อที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้
1) การปฏิบัติกับลูกทีมได้ดี
“ถ้านักเตะเล่นด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่, มีสมาธิ, มีความพร้อม และมีอารมณ์ร่วมแล้วล่ะก็ ผมก็จะไม่ดุกับพวกเขามากนักหรอก ผมพร้อมที่จะปฏิบัติกับพวกเขาแบบดีๆ เหมือนการอ้าแขนกอดพวกเขา” นั่นคือส่วนหนึ่งที่ คล็อปป์ พูดในตอนที่เข้ามารับงานกับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คล็อปป์ ก็ไม่เคยผิดคำสัญญาที่ว่าเลย ยกตัวอย่างเช่นแม้ว่าทีมกำลังจะเล่นเกม เอฟเอ คัพ กับ เอฟเวอร์ตัน แต่เขาก็ยังอนุญาตให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ ไปร่วมงานประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกาประจำปี 2017 ได้ ในช่วง 1 วัน
2) การเปลี่ยนมือขวาที่กลายเป็นดี
ตอนที่ เซลจ์โก้ บูวัช ตัดสินใจบอกลาการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 นั้น ใครๆ ต่างก็บอกว่ามันจะส่งผลเสียกับทีมของ คล็อปป์ อย่างมาก เพราะ บูวัช ร่วมงานกับ คล็อปป์ มานานถึง 17 ปีจนทำให้สนิทกันและรู้ใจ คล็อปป์ เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันคนที่ก้าวมารับหน้าที่มือขวาคนใหม่ของ คล็อปป์ คือ เปปิน ลินเดอร์ส ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นภาระที่หนักอึ้งสุดๆ ถึงกระนั้น ลินเดอร์ส กลับทำผลงานได้เหนือกว่า บูวัช ด้วยซ้ำ เพราะ ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นก่อนได้ ก่อนจะมาเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้
ลินเดอร์ส เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องรายละเอียดอย่างมาก ขนาดฤดูกาลก่อนเขายังจัดแจงให้ทีมได้เล่นเกมอุ่นเครื่องทีมสำรองของ เบนฟิก้า เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมสำหรับนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เลย เพราะทีมดังกล่าวมีสไตล์คล้ายกับทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หนึ่งในคู่ชิงดำของพวกเขา โดยที่มีการกันไม่ให้นักข่าว หรือแมวมองที่อาจปลอมตัวมาสืบได้เข้ามาดูการเล่นเช่นกัน
สุดท้ายแล้วเกมดังกล่าวก็มีประโยชน์อย่างมาก ช่วยให้หงส์แดงเอาชนะสเปอร์สในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก คว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ วิเคราะห์บอล
3) มีอารมณ์ร่วมกับแฟนบอลเต็มที่
ดิว็อค โอริกี้ ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ “หงส์แดง” เปิดรัง แอนฟิลด์ เจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 2015 คล็อปป์ ก็ฉลองอย่างสุดเหวี่ยง เขาปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแบบไม่มีกั๊ก ท่ามกลางความแปลกใจ แลมึนงงของใครหลายๆ คนว่า ทำไมคล็อปป์ถึงได้ฉลองหนักสุดเหวี่ยงราวกับได้แชมป์อะไรปานนั้น
แต่ คล็อปป์ มีเหตุผลที่ฉลองหนักขนาดนั้น เนื่องจากเขาอยากสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอล เพราะหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้น คล็อปป์ ออกมาบอกว่าตนรู้สึกเหมือนเดินอย่างเดียวดายในตอนที่ทีมแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2 โดยวันนั้น “เดอะ ค็อป” บางส่วนถึงขั้นเดินออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 82 ด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้วแฟนบอล ลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่ก็รับรู้ข้อความนั้นจาก คล็อปป์ เพราะหลังจากเกมกับ เวสต์บรอมฯ ในนัดนั้นเป็นต้นมาเหล่า “เดอะ ค็อป” ก็เชียร์ทีมดังกระหึ่มมากขึ้นไปอีก และพวกเขาก็ตกหลุมรัก คล็อปป์ มากขึ้นเรื่อยๆ
ท้ายที่สุดแล้วการฉลอง 1 แต้มในเกมกับ เวสต์บรอมฯ ในครั้งนั้นมันเป็นการฉลองที่ล้ำค่าสุดๆ ก็คงไม่ผิดนัก หลังจากที่มันมีส่วนทำให้แฟนบอลมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ คล็อปป์ จนช่วยให้ทีมแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น