วันที่ 1 กรกฎาคม 1976 ถือเป็นวันเกิดของนักฟุตของระดับโลกสองคนนั่นคือ พาทริค ไคลเวิร์ต และ รุด ฟาน นิส เตล รอย ตำนานดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์
ไม่รู้ว่าคนเกิดวันดังกล่าวได้รับพรจากพระเจ้าว่าจะต้องเก่งกาจมากความสามารถในเชิงลูกหนังหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆทั้ง พาทริค ไคลเวิร์ต และ รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่จุดเริ่มต้นนั้นแตกต่างอย่างชัดเจน แม้จะมีหัวใจหลงใหลฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม
ไคลเวิร์ต ฉายแววเจิดจรัสตั้งแต่เด็ก จนได้รับเลือกให้เข้าสู่อะคาเดมี่ของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบ เอง จากนั้นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะกองหน้าดาวรุ่งที่ถูกจับตามากคนหนึ่งของวงการฟุตบอลดัตช์ ก่อนก้าวสู่ชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูร้อนปี 1994 ด้วยวัยแค่ 18 ปี
ไคลเวิร์ต ร้อนแรงอย่างมาก กระหน่ำประตูเป็นว่าเล่น เก่งกล้าเกินอายุ จบฤดูกาล 1994/95 ซัลโวไปทั้งสิ้น 21 ประตูจาก 36 เกมทุกรายการ
น่ามหัศจรรย์กว่านั้นเด็กอายุ 18 นี่แหล่ะที่ซัดประตูชัยให้อาแจ็กซ์พิชิตเอซี มิลาน 1-0 ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นดังกล่าว นำทีมผงาดเจ้ายุโรปอย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ยังเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์อีกด้วย เพราะยังได้เอเรดิวิซี่หรือลีกสูงสุดดัตช์มาครองอีกรายการ
ชื่อเสียงของ ไคลเวิร์ต ตอนนั้นดังเปรี้ยงปร้างแค่ช่วงเวลไม่ถึงหนึ่งปี ยกระดับเป็นแข้งสายเลือดใหม่ที่เนื้อหอมสุดในวงการฟุตบอลยุโรปตอนนั้นแล้ว
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน รุด ยังเป็นนักเตะโนเนมที่เล่นอยู่กับเดน บอช สโมสรเล็กๆ โดยรับบทมิดฟิลด์ตัวกลาง
ตอนที่เขากับเพื่อนๆดูถ่ายทอดสดเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่างเอซี มิลานกับ อาจแกซ์ ที่เวียนนานั้น ทุกคนตะลึงกับความหมัศจรรย์ของ ไคลเวิร์ต พร้อมตั้งคำถามว่านี่คือนักเตะอายุแค่ 18 ปีเท่าพวกเราจริงหรือ?
จากนั้น รุด หันมาดูตัวเอง แล้วนึกถึงอนาคตว่าหากยังเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เส้นทางนักเตะอาชีพคงไปได้ไม่ไกลแน่
เขาจึงมุ่งมั่น พัฒนาตัวเองให้มากกว่าเดิม พยายามปรับเรื่องการยิงประตูให้มากขึ้น เพราะรู้ดีว่าจำนวนประตูที่ทำได้จะเป็นเหมือนใบเบิกทางสำคัญ
ในฤดูกาล 1994/95 รุด กดไป 6 ประตูในทุกรายการ แต่อีก 2 ปีต่อมาเขาระเบิดตาข่ายถึง 12 ประตูด้วยกัน นั่นมันเกินคาดจริงๆสำหรับผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง
ฮีเรนวีนสโมสรที่ใหญ่กว่า เลยจัดการจ่ายค่าตัว 360,000 ยูโรคว้ามาร่วมทีมในปี 1997 ก่อนโค้ชจะปรับบทบาทให้มายืนกองหน้าอย่างเต็มตัว
เขาตอบแทนความไว้วางใจ ฮีเรนวีน โดยยิง 16 ประตูทุกรายการภายในซีซั่นเดียว จนทำให้บรรดาพวกสื่อต่างๆ เริ่มโฟกัสมาที่ รุด มากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วข้อเสนอ 6.3 ล้านยูโรจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ไม่มีทางทำให้ฮีเรนวีนกล้าปฏิเสธเด็ดขาด นี่คือตัวเลขสถิติใหม่ของการย้ายระหว่างสโมสรด้วยกันในประเทศ แค่ปีเดียวมูลค่าของ รุด เพิ่มขึ้น 20 เท่าตัว เป็นการทำกำไรที่งดงามมากๆของฮีเรนวีน
อย่างไรก็ตามช่วงเดียวกันนั้น ไคลเวิร์ต ได้ออกไปแสวงหาความท้าทาย กอบโกยทั้งเงินทองและชื่อเสียงกับสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป
จากเอซี มิลานที่เล่นได้เพียงฤดูกาลเดียว ย้ายต่อไปยังบาร์เซโลน่า มันยิ่งทำให้ รุด กระหายอยากจะย้ายไปเล่นกับบิ๊กทีมในต่างแดนเช่นเดียวกัน เขาบอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้
ฟาน นิสเตลรอย ร้อนแรงอย่างน่าเหลือเชื่อกับพีเอสวี เล่นได้เพียงแค่ 3 เดือนก็ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ทั้งที่เพิ่งเล่นให้ชุดยู-21 ปีไปเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น
แค่ปีแรกเขาซัดไป 41 ประตูจาก 46 เกม แม้พีเอสวีจะไม่ได้โทรฟี่ใดๆ เลย แต่ส่วนตัว รุด ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของดัตช์ รวมถึงดาวซัลโวประจำฤดูกาลด้วย
เข้าสู่ฤดูกาล 1999/2000 แม้จะมีผลกระทบจากปัญหาอาการบาดเจ็บบ้าง แต่รุดก็ตะบันไปถึง 29 ประตูจาก 23 เกมเฉพาะในลีกอย่างเดียว พาทีมฟาดแชมป์เอเรดิวิซี่จนได้
จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดยื่นข้อเสนอ 18.5 ล้านปอนด์มาให้ ทุกอย่างไปได้สวย ดีลนี้น่าจะจบอย่างลงตัวที่สุด
แต่แล้วจากอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่าและพีเอสวีบอกปัดไม่ให้นักเตะตรวจร่างกาย ทำให้ดีลนี้พังครืนลงมาอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามเมื่อรักษาจนหายขาดแล้ว รุด กลับมาโชว์ฟอร์มได้น่าพอใจในช่วงท้ายซีซั่น จนแมนฯยูไนเต็ดหวนกลับมาหาอีกครั้ง คราวนี้ทุกอย่างโล่งสะดวก จบกันที่ค่าตัว 19 ล้านปอนด์
ในขณะที่กราฟของ รุด พุ่งขึ้นสูงตามลำดับ ไคลเวิร์ต กลับมีแต่ทรงกับทรุด ดิ่งลงเรื่อยๆ
แม้จะยิงให้บาร์ซ่า 25 ประตูใน 3 ซีซั่นติดต่อกัน แต่พฤติกรรมนอกสนามคืออุปสรรคสำคัญทำให้ ไคลเวิร์ต ไม่ทะลุขึ้นมาได้อย่างที่ถูกคาดหวังไว้
อาจเพราะเขามีชื่อเสียงและค่าตัวมหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อยๆ การรับมือจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งความคาดหวังสูงเท่าไร ก็ยิ่งกดดันหนักเท่านั้น
ผิดกับ รุด ที่ไต่มาตามสเต็ปและพยายามรักษาความกระหาย มุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลา สมาธิของ รุด จะโฟกัสที่การฝึกซ้อมและลงเกมในสนามเท่านั้น
ระหว่างที่ รุด คือแกนหลักในแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไคลเวิร์ต ย้ายมาในพรีเมียร์ลีกเล่นกับนิวคาสเซิ่ลในฤดูกาล 2004/05 ทั้งสองได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง หลังจากร่วมงานกันมาในนามทีมชาติฮอลแลนด์ในทัวร์นาเมนต์ยูโร 2004 ที่โปรตุเกส
การจับคู่ของทั้งสองถูกจับตามองมากๆ เพราะต่างมีบารมีด้วยกันทั้งคู่
อย่างไรก็ตามความแตกต่างกันในแทบทุกเรื่อง ทำให้ล้มเหลวพังพาบไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
ไคลเวิร์ต เคยปรามาสรุด รุด ไม่เหมาะจะเล่นร่วมกับเขา ไม่มีทางที่จะเกิดความลงตัวแน่ ส่วน รุด ก็ตอบโต้เช่นเดียวกัน ด้วยประโยคเชือดเฉือนว่า อย่ามาโยนภาระในการทำประตูให้เขาคนเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลย
ไคลเวิร์ต อยู่ในอังกฤษเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ยิงในพรีเมียร์ลีกแค่ 6 ประตูจาก 25 เกม โดยระหว่างนั้นยังคงเที่ยวเตร่ดึกดื่น เข้าผับหรือไนท์คลับอยู่เสมอ
ตรงข้ามกับ รุด ทุกครั้งที่เสร็จจากการซ้อม จะบึ่งรถกลับบ้านทันที ฝังตัวอยู่ในนั้น ไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใคร นานๆถึงไปดินเนอร์กับเพื่อนฝูงบ้าง สปอร์ตพูล
หลังจากนั้นเส้นทางค้าแข้ง ไคลเวิร์ต ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกับบาเลนเซีย, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หรือ ลีลล์ ที่เล่นเพียงแค่สโมสรละปีเท่านั้น แถมยังไม่ได้ลงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ไคลเวิร์ต รีไทร์ในวัยเพียงแค่ 32 ปีเท่านั้นเอง ขณะที่ “ดาวยิงหน้าม้า” ย้ายไปเล่นกับเรอัล มาดริด ยิงไปถึง 63 ประตูใน 3 ปี คว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัยรวด ก่อนจะย้ายไปฮัมบูร์ก และแขวนสตั๊ดกับ มาลาก้า
นี่คือชีวิตของสองหัวหอกที่เกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง
อีกทั้งเป็นนักเตะดังเหมือนกัน แต่รายละเอียดของชีวิตและเส้นทาง กลับแตกต่างกันเหลือเกิน แถมยังขัดแย้งไม่ลงรอยกันด้วย
ทุกอย่างที่ล้วนเกิดขึ้นนั้น ล้วนจากการกระทำของทั้งสองทั้งสิ้น เราล้วนเลือกให้ตัวเองได้เสมอ
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น