ในเส้นทางนักเตะ …
ไม่มีใครปฏิเสธว่า ปาทริค วิเอร่า คือหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในนามทีมชาติหรือสโมสรที่เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมในการเดินหน้าพุ่งชนความสำเร็จ
ในทีมชาติฝรั่งเศส เขาลงสนามไปร่วม 100 เกม ก่อนจะเดินหน้าไปจนถึงจุดสูงสุดทั้งการคว้าแชมป์โลกปี 1998 รวมไปถึงแชมป์ยูโรในปี 2000
กับสโมสร วิเอร่า ประสบความสำเร็จอย่างมากในการลงเล่นให้กับ อาร์เซน่อล และที่นั่นส่งให้เขากลายมาเป็นหนึ่งในตำนานและกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร
แต่ทุกอย่างต้องมีวันสิ้นสุด ตอนนี้ วิเอร่า ไม่สามารถวิ่งไล่หวดคู่แข่งเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ อีกแล้ว แต่ความรักในเกมฟุตบอลของเขายังคงผลักดันให้อดีตกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ยังคงคลุกคลีกับเกมลูกหนังต่อไป
นับตั้งแต่แขวนเกือกเมื่อปี 2011 วิเอร่า ก็หันเหไปทำงานด้านการจัดการและบ่มเพาะวิชากุนซือจนสามารถไต่เต้าไปทำหน้าที่ในทีมสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ที่นั่นเหมือนบันไดขั้นแรกของ วิเอร่า ในฐานะหน้าใหม่ของวงการเทรนเนอร์ ซึ่งฝีไม้ลายมือของเขาเข้าตาและถูกดันให้ไปทำหน้าที่กุนซือของสโมสร นิวยอร์ก ซิตี้ ในเมเจอร์ ลีก สหรัฐฯ เมื่อปี 2016
นั่นคืองานแรกในฐานะเทรนเนอร์ของทีมสโมสรฟุตบอลอาชีพ เขาใช้เวลา 2 ปีเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่มันยังได้ฉายแววของการเป็นกุนซือมีฝีมือ ซึ่งส่งผลให้ นีซ สโมสรมีชื่อของเวที ลีก เอิง ฝรั่งเศส สนใจดึงไปใช้งาน
การเจรจาเริ่มต้นและจบลงไม่นาน วิเอร่า เก็บข้าวของกลับไปยังถิ่นกำเนิดเพื่อโอกาสครั้งสำคัญและการก้าวเดินสามารถทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงการ “เทรนเนอร์ฟุตบอล” มากกว่าที่ผ่านมา
การทำงานที่ นีซ ทำให้ วิเอร่า หวนนึกถึงวันเก่าๆ เพราะที่นี่ห่างจาก กานส์ สโมสรแรกและจุดเริ่มต้นของเขาในฐานะนักฟุตบอลเพียงแต่ 30 กิโลเมตร จะว่าบังเอิญหรือไม่ก็ตาม แต่มันเหมือนกับการกลับมา (ใกล้) ยังถิ่นกำเนิด และได้เดินหน้าอีกครั้งในวงการฟุตบอล แต่หนนี้ฐานะต่างจากเมื่อ 24 ปีที่แล้ว
กุนซือของ นีซ
วิเอร่า ผลักดันทีมให้จบอันที่ 7 ของเวที ลีก เอิง ในฤดกาลที่เขาคุมทีม ซึ่งถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของกุนซือหนุ่ม รวมไปถึงบรรดานักเตะอายุน้อยที่ วิเอร่า คอยผลักดันและบ่มเพาะฝีเท้าจนพาทีมไปยังจุดที่หลายคนไม่คาดคิด
ในตอนนั้น นีซ มีปัญหาเรื่องการเงินที่สโมสรไม่สามารถเดินหน้าเสริมทัพได้ตามที่ วิเอร่า ต้องการ ทำให้เขาต้องใช้งานนักเตะเท่าที่มี
การเข้ามาของกลุ่มทุนจากอังกฤษอาจจะมาในช่วงท้ายของตลาดหน้าร้อน แต่นั่นก็เพียงพอให้สโมสรเดินหน้าเจรจาเสริมแนวรุกอย่าง แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก และ อดัม อูนาส ที่กลายมาเป็นแกนหลักของสโมสรในทันที รวมไปถึง อเล็กซิส โคลด-โมริซ ที่ถูกดึงมาจาก ลอริยองต์ โดยหวังว่าจะช่วยเพิ่มมิติในแนวรุก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ วิเอร่า ยังคงดำเนินต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องยากที่สามแนวรุกรายใหม่จะลงสนามพร้อมกันได้ทุกๆ เกม แถมยังมีช่วงที่แกนหลักของสโมสรผลัดกันเจ็บและติดโทษแบน
นั่นคืออุปสรรคของ วิเอร่า แต่เขาสามารถพาทีมเดินหน้าได้ดีกว่าซีซั่นที่แล้ว อย่างน้อยก็ในเรื่องแนวรุกที่ทำได้ 41 ประตูจาก 28 เกม แถมมารั้งที่ 6 ของตารางมีลุ้นพื้นที่ยุโรปเต็มตัว (ผิดกับแนวรับที่เสียประตูมากกว่าซีซั่นก่อนแล้ว) ทีเด็ดบอลวันนี้
ด้วยรูปแบบการทำทีมของ วิเอร่า ดูจะเหมาะกับ นีซ พอสมควร เพราะอดีตกองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้สามารถผสมผสานแข้งประสบการณ์กับบรรดารุ่งของสโมสรได้อย่างดีเยี่ยม และอีกหนึ่งจุดเด่นของ วิเอร่า คงหนีไม่พ้นการปรับตัวยามที่สถานการณ์ในทีมไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บและติดโทษแบน
เราจึงได้เห็นการปรับระบบและรูปแบบการเล่นบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น 4-3-3 หรือ 4-4-1-1 แม้กระทั่งการใช้งานกองหลังตัวกลาง 3 คน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์และคู่แข่งในตอนนั้น
“เป้าหมายของผมคือการเล่นในเวทียุโรป เป้าหมายคือการจนอันดับในลีกให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้สำหรับการเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่มันต้องใช้เวลา สโมสรจะลงทุนแต่มันจะไม่ได้เป็นในแบบที่ทุกคนปรารถนา”
เวลาเป็นสิ่งมีค่าและเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งบรรดากุนซือต่างๆ ต้องการในการทำทีมสโมสรหนึ่งๆ ให้เดินหน้าไปตามที่ต้องการ
สำหรับ วิเอร่า กับช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปีเข้าได้เข้ามาผลักดันทีมให้เดินหน้าตามที่หวังไว้ แม้จะมีบางส่วนที่ต้องพัฒนาและปรับปรุง แต่นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคาดคิดและมองเห็นชัดเจน
น่าติดตามว่าเส้นทางของกุนซือหน้าใหม่อย่าง วิเอร่า จะเป็นแบบไหน จะสามารถก้สวขึ้มาเป็นกุนซือระดับโลกได้หรือไม่ ผงานในสนามและอนาคตจะเป็นคำตอบบอกอีกทีนึง
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น