เชลซี คืนฟอร์มกลับมาคว้าชัยนัดแรกในรอบ 5 เกมหลังสุดในลีกเปิดบ้านย้ำแค้น สเปอร์ส 2-1 ทำแต้มไล่ เลสเตอร์ อันดับสามเหลือ 6 แต้มชั่วคราว ส่วน “ไก่เดือยทอง” ถูกยัดเยียดความปรายนัดแรกรอบ 6 เกม ในเกมลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
1) สเปอร์สไร้กระสุนยิง
การขาดหายไปทั้ง แฮร์รี่เคน และ ซน ฮึง-มิน จากอาการบาดเจ็บ ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อทีม เพราะทั้งคู่มีส่วนอย่างมากในการทำประตูให้กับสเปอร์ส ขาดคนใดคนหนึ่งไปยังพอทดแทนกันได้ แต่นี้เล่นหายหน้าพร้อมกันถึง 2 คน ศูนย์หน้าอาชีพจึงไม่เหลือใครอีกแล้ว เกมรุกเหมือนกับการเดินหน้าสู่สมรภูมิรบพร้อมกับอาวุธปืนที่ไร้ลูกกระสุนซึ่งเกมนี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปัญหาไม่มีลูกระสุนดังกล่าว ที่จะกดดันเชลซีได้มากพอ
นักเตะอย่าง ลูคัส มู่รา ที่ค้ำในแดนหน้ามีจังหวะวูบวาบให้เห็นแต่ดูอย่างไรธรรมชาติของเจ้าตัวก็ไม่ใช่ศูนย์หน้า ขณะที่ สตีเฟน เบิร์กไวน์ หน่อมแน้มเกินไปที่จะดวลกับกองหลังระดับเขี้ยวลากดินบนพรีเมียร์ลีก และน่าแปลกใจที่ เดเล อัลลี กลายเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในเกมนี้
ถือเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ที่หนักเอามากๆของ เฮียมู หลังจากนี้เป็นการหาเฟ้นหารูปแบบการเล่นเกมรุกที่มีประสิทธิภาพมากพอภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด
2) ความกระตือรือล้นของแข้ง ไก่เดือยทอง
นอกจาก โจวานนี่ โล เซลโซ่ กับ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ แล้ว นักเตะที่เหลือในทีม สเปอร์ส ไม่สามารถเอาชนะในจังหวะ 50/50 ต่อผู้เล่นของ เชลซี ให้เห็นได้เลยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกที่รูปเกมของ ไก่เดือยทอง ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ความกระตือรือล้นของเหล่าลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ่ ไม่สามารถต่อกรกับลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ และเมื่อพวกเขาสู้ไม่ได้ตั้งแต่สภาพจิตใจแล้วนั้น การปรับเปลี่ยนแท็กติกเพื่อหวังเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมในครึ่งหลังของ จ่ามู ก็ไม่สามารถเปลี่ยนรูปเกมได้
3) ชิรูด์ ควรเป็นตัวจริงได้แล้ว
ถือเป็นเพียงเกมที่ 9 สำหรับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในยูนิฟอร์ม เชลซี เท่านั้นในฤดูกาลนี้เมื่อเจ้าตัวมีชื่อลงสนามเป็นตัวจริงดวลกับ สเปอร์ส ซึ่งกองหน้าชาว ฝรั่งเศส ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเพราะเหตุใดเขาควรมีชื่ออย่างน้อยเป็นตัวเลือกลำดับที่ 2 ของทีมแทนที่ มิชี่ บาตชูอายี่ ในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลได้แล้ว
ชิรูด์ เป็นคนจบสกอร์ในประตูแรกของทีมอย่างเด็ดขาดซึ่งจังหวะต่อเนื่องก่อนหน้ายังมาจากการเคลื่อนที่หาตำแหน่งอันยอดเยี่ยมของเขาเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะมีส่วนร่วมกับประตูที่ 2 เมื่อเป็นคนขึ้นโหม่งเอาชนะในจังหวะตั้งต้นในช็อตได้ประตูดังกล่าว ทีเด็ดบอล
4) VAR ผิดพลาด
กลายเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ว่าเพราะเหตุใดเมื่อจังหวะที่ โจวานนี่ โล เซลโซ่ ย่ำใส่หน้าแข้ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ไม่ได้กลายเป็นการลงโทษด้วยใบแดงแม้จังหวะภาพช้าจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามิดฟิลด์ อาร์เจนไตน์ ไม่ได้มีเจตนาเล่นที่บอลแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ มีการเปิดเผยว่า เดวิด คูท ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่พิจารณาจังหวะVAR ได้ยอมรับกับพวกเขาว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นความผิดพลาดของตนเองอย่างชัดเจน
สื่อดังกล่าวยังรายงานต่อเนื่องอีกว่า คูท มีประสบการณ์ทำหน้าที่ตัดสินเกมใน พรีเมียร์ลีก เพียงแค่23 เกมเท่านั้น ขณะที่ ไมเคิล โอลิเวอร์ ที่ทำหน้าที่บนสนามตัดสินมาแล้ว 254 นัดบนลีกสูงสุด จึงเป็นที่มาของข้อถกเถียงถึงสาเหตุของการไม่ให้ โอลิเวอร์ ออกไปดูจังหวะดังกล่าวด้วยตนเองที่จอข้างสนามทั้งที่เชิ้ตดำในสนามมีประสบการณ์มากกว่า
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น