ตำนานพระรอง มิชาเอล บัลลัค


ตลอดอาชีพการค้าแข้งของ มิชาเอล บัลลัค เขาคว้าแชมป์ไปแล้วทั้งหมด 14 รายการแต่คนส่วนใหญ่จะจดจำเขาว่าเป็น “เจ้าพ่อรองแชมป์” หลังจากเคยเป็นรองแชมป์ถึง 4 รายการถึง 2 ปีตลอดอาชีพการค้าแข้ง

มิชาเอล บัลลัค เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ปี 1976 ที่เมืองกอร์ลิตซ์ ประเทศเยอรมัน ในฝั่งตะวันออก บัลลัค เริ่มค้าแข่งกับทีมเยาวชนของ เชมนิต ทีมท้องถิ่นก่อนได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับ เชมนิตเซอร์ โดยเริ่มเล่นในตำแหน่งกองกลางและมีจุดเด่นอยู่ที่การทำประตูแบบถล่มทลาย

ในปี 1995 บัลลัค ได้รับสัญญานักเตะอาชีพเป็นครั้งแรก จากนั้นก็ได้ลงสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก ในวันที่ 4 สิงหาคม ปี 1995 ในนัดเปิดสนามของลีกา 2 เยอรมัน ฤดูกาล 1995/1996 โดยในเกมนั้น เชมนิตเซอร์ แพ้ ไลป์ซิก 1-2 และในตอนจบฤดูกาลนั้น ต้นสังกัดของบัลลัค ก็หล่นสู่ลีกระดับดิวิชั่น 3
แต่ บัลลัค ซึ่งลงสนามไป 15 นัด ก็ยังก้าวไปติดทีมชาติเยอรมัน ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เป็นครั้งแรก ในวันที่ 26 มีนาคม 1996


ในฤดูกาลต่อมา บัลลัค กลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีม โดยที่เขาไม่พลาดการลงสนามเลยแม้แต่นัดเดียว ทำได้ 10 ประตู เกือบจะช่วยให้ เชมนิตเซอร์ เลื่อนชั้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 1997 เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองก่อนจะกลายมาเป็นแกนหลักของทีมพร้อมกับพา ไกเซอร์ ขึ้นนำจ่าฝูงในบุนเดสลีกาและสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จ

หลังจากนั้นในปี 1999 เขาย้ายมาอยู่กับเลเวอร์คูเซ่น บัลลัค พาห้างขายยาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในปี 1999 แต่ในช่วงท้ายฤดูกาลพวกเขามีแต้มนำบาเยิร์น มิวนิคอยู่ 3 คะแนนแต่กลับถูกแซงและปาดหน้าคว้าแชมป์ไปอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งนั่นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นคำสาปรองแชมป์ของเขา


ในฤดูกาล 2001/2002 บัลลัค และ เลเวอร์คูเซ่น ต้องเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อพวกเขามีลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา แต่ก็มาพลาดในช่วงสุดท้ายอีกครั้ง ทำให้ได้แค่รองแชมป์ ขณะที่เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็แพ้ รีล มาดริด และยังมาแพ้ในนัดชิงชนะเลิศของ เดเอฟเบ โพคาล หรือ เยอรมัน คัพ อีกด้วย พลาดแชมป์ 3 รายการในปีเดียว อย่างน่าเจ็บใจ

นอกจากนั้น บัลลัค ยังพลาดถ้วยที่ 4 ในฤดูกาลนั้นอีก เมื่อพาทีมชาติเยอรมัน เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ก็แพ้ บราซิล ชวดแชมป์ไปอีกรายการ ทำให้บัลลัค เป็นรองแชมป์ถึง 4 รายการเลยทีเดียว !

หลังจากเป็น “พระรองในปี 2002” บัลลัค ก็ถูก บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศ คว้าตัวไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 12.9 ล้านปอนด์ และก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมายร่วมกับทีม “เสือใต้” ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย ทำได้ 47 ประตู จากการลงสนาม 135 นัด จากการลงสนามรับใช้ บาเยิร์น มานาน 4 ปี ส่วนทีมชาติเยอรมันเขาพาทีมคว้าอันดับ 3 เท่านั้นในฟุตบอลโลก 2006


บัลลัค หมดสัญญากับบาเยิร์น ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ และเขาก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับทีม “เสือใต้” ทำให้เขาสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัวตามกฎบอสแมน ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะย้ายไปร่วมทีมเชลซี มหาเศรษฐีแห่งอังกฤษ และรับค่าเหนื่อยมหาศาล ทำให้บรรดาทีมอื่นๆที่เล็งตัวเขาไว้เช่นกัน ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด และ เอซี มิลาน ต้องผิดหวังไปถ้วนหน้า

ซึ่งในฤดูกาลแรกของเขาก็เชลซี ยังไม่ถือว่าโดดเด่นมากนัก แต่หลังจากนั้นฟอร์มของเขาเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และจบฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงประตูให้ทีมไป 8 ลูก ในทุกรายการ พร้อมกับ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ อีกด้วย ราคาบอล

เข้าสู่ฤดูกาล 2007-2008 ฟอร์มของ บัลลัค เริ่มชัดเจนและอันตรายมากขึ้น โดยเขามีส่วนช่วยให้ เชลซี ลุ้นถึง 4 แชมป์ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์, เอฟเอ คัพ, คาร์ลิ่ง คัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะเป็นปีที่เขาต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่หลายครั้งหลายจนต้องพักยาวไปนานหลายเดือน



อย่างไรดี ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่อาจนำทีม เชลซี คว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย ส่วนทีมชาติเยอรมันเขาคว้ารองแชมป์ฟุตบอลยูโรด้วยการแพ้ให้กับทีมชาติสเปนในนัดชิงชนะเลิศ และเป็นอีกครั้งที่เขาจบด้วยบทบาทพระรอง 4 แชมป์อีกครั้ง

ฤดูกาลที่ 2008-09 ฟอร์มของบัลลัคถือว่าใช้ได้ แม้เขาจะยิงให้ทีมเพียงแค่ 4 ประตูรวมทุกรายการ แต่ก็ผ่านบอลให้คนอื่นยิงหลายต่อหลายครั้ง เป็นขุมกำลังสำคัญที่ทำให้สิงห์บลูส์ คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และได้ต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 1 ปี

ในซีซั่น 2009-2010 เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ นั้นมี บัลลัค เป็นตัวหลักและมีส่วนช่วยทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ แต่ว่าในนัดชิงฟุตบอลถ้วย กองลางเยอรมันโชคร้ายสุดๆ ถูก เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง เข้าเสียบสกัดจนเจ็บหนักและพลาดไปเล่นในศึกเวิลด์ คัพ ที่แอฟริกาใต้ ก่อนที่เขาจะประกาศอำลาทีมชาติเยอรมัน

ในปี 2012 บัลลัค ตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น อีกครั้งในช่วงปั้นปลายอาชีพการค้าแข้ง ก่อนจะตัดสินใจยุติบทบาทนักฟุตบอลอาชีพของตัวเองด้วยวัย 36 ปี พร้อมปิดตำนานกองกลางหมายเลข 13





สำหรับ บัลลัค เขาถูกจดจำในฐานะ “มิสเตอร์รองแชมป์” จากการที่เป็น 4 รองแชมป์ในปีเดียวถึง 2 ครั้งมากกว่าการที่เขาคว้าแชมป์กับทีมอย่างมากมาย แต่เขาก็เป็นนักเตะที่ทุ่มเทเต็มร้อยเสมอ เป็นนักเตะที่ดี เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ และไม่เคยแสดงความย่อท้อออกมา จนทำให้กลายเป็นที่รักของแฟนบอลทั่วโลก 






-แมนคูเนี่ยน-











ความคิดเห็น