หมดสภาพ


บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาลงเอยด้วกยารที่ อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ซิตี้ แบบราบคาบ ไม่มีทางสู้ และไม่สมศักดิ์ศรีด้วยประการทั้งปวง

แมนฯ ซิตี้ ทำได้เหนือกว่าทุกกระบวนท่า เล่นด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม แม้โอกาสป้องกันแชมป์ในฤดูกาลนี้ดูจะยากแล้ว แต่ทุกครั้งที่ลงสนามก็เต็มที่เสมอ

ตรงกันข้ามกับ อาร์เซน่อล โดยสิ้นเชิง ทีมปืนใหญ่แทบไม่มีอะไรดีขึ้นหลังปลด อูไน เอเมรี่ ออกจากตำแหน่ง เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก เพิ่งพาทีมชนะได้เพียงนัดเดียวใน 5 นัดที่ขัดตาทัพ

นัดล่าสุดกับ แมนฯ ซิตี้ ไม่ต้องเล่นกันถึง 90 นาทีด้วยซ้ำเพราะแค่ 45 นาที อาร์เซน่อล ก็หมอบคาสนามแล้ว


ดูเหมือนอาร์เซน่อลจะเป็นฝ่ายคู่ซ้อมให้ซิตี้ซะมากกว่า เหมือนเด็กเล่นกับผู้ใหญ่ยังไงอย่างนั้นเลย เหมือนบอลที่ไม่ได้ซ้อมเจอทีมที่ทำทุกอย่างออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเพราะผ่านการฝึกอย่างหนักหน่วงมาไม่รู้กี่ร้อยพันครั้ง

อาร์เซน่อล ไม่สามารถสู้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้เลยไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมใด ยิ่งเล่นยิ่งเห็นความแตกต่าง

แมนฯ ซิตี้ ต่อบอลแม่นยำ มีแบบแผน นักเตะรู้หน้าที่บทบาทตัวเอง วิ่งสอดประสานกันลงตัว โชว์คำว่าทีมเวิร์กออกมาให้เห็น

ขณะที่อาร์เซน่อลไม่ใกล้เคียงแม้แต่นิดที่จะให้ได้แบบนั้น แนวรุกแทบหาจังหวะประสานงานกันไม่ได้ ทุกการเคลื่อนที่ถูกปิดช่องปิดพื้นที่ไปหมด


เป๊ป วางแท็กติกให้ เควิน เดอ บรอยน์ ขยับขึ้นสูงกว่าเดิมไปเล่นร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ กาเบรียล เชซุส เรือใบใช้แค่ 3 คนนี้ในการเล่นเกมรุกแต่สามารถเจาะแนวรับอาร์เซน่อลได้แล้ว

ความสามารถชั้นยอดของ เดอ บรอยน์ สร้างความแตกต่างได้อย่างมาก ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมเป็นนักเตะคุณภาพคับแก้วอยู่แล้ว วันไหนเล่นได้เข้าฟอร์มตัวเองก็ยากที่ใครจะหยุดได้

นี่คืออีกนัดที่ เดอ บรอยน์ เล่นได้ท็อปฟอร์ม ทำ 2 ประตูสุดสวยบวกอีก 1 แอสซิสต์ให้ทีมปิดจ๊อบตั้งแต่ครึ่งแรก


การเล่นของ เดอ บรอยน์ ทรงพลังและครบเครื่องจริงๆ เล่นได้หมดทั้งลุยไปคนเดียวหรือประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ดึงจังหวะเร็ว-ช้า และรู้ว่าจะโจมตีจุดอ่อนคู่แข่งได้อย่างไร

เกมรับอาร์เซน่อลย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอ เดอ บรอยน์ ในวันที่เล่นท็อปฟอร์มแบบนี้ก็ไม่มีทางหยุดได้

แนวรับอาร์เซน่อลเหมือนไม่รู้ว่าต้องเล่นเกมรับกันอย่างไร ใครต้องชน ใครต้องซ้อน การยืนตำแหน่ง การรับมือในเวลาคู่แข่งโต้กลับ ทุกอย่างดูสับสนมั่วไปหมด

มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่นัดนี้แต่เป็นมาตั้งนานแล้ว อันที่จริงต้องว่ากันถึงช่วงท้ายของ อาร์แซน เวนเกอร์ ต่อด้วยยุคของ อูไน เอเมรี่


เวลาเปลี่ยน กุนซือเปลี่ยนก็แล้ว แต่เกมรับอาร์เซน่อลก็ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน

เมื่อเทียบกับการเล่นเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ จะเห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน

แมนฯ ซิตี้ ใช้แบ็ก 2 ข้างดันปีกของอาร์เซน่อลทั้ง นิโกล่าส์ เปเป้ กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จนถึงริมเส้นด้านข้าง โดยมี โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน และเซนเตอร์ฮาล์ฟ สลับเข้าซ้อน


ยิ่งตัวรุกอยู่ห่างเขตโทษมากเท่าไหร่ ความอันตรายก็ยิ่่งลดลง เปเป้ กับ  มาร์ติเนลลี่ จึงไม่สามารถเล่นรวมกับ โอบาเมย็อง ได้เลย

ส่วนการเจาะตรงกลางที่นำโดย เมซุต โอซิล ก็ทำได้ลำบากเพราะต้องผ่านทั้ง กุนโดกัน และ โรดรี้ ราคาบอลไหล

โอซิล ไม่ได้มีพลังทะลุทะลวงแบบ เดอ บรอยน์ พอโดนรุมเข้าหน่อยก็เสียบอลแล้ว จากนั้นก็เล่นไม่ออกและถูกเปลี่ยนตั้งแต่ยังไม่ครบหนึ่งชั่วโมง

ครึ่งหลัง ลุงเบิร์ก เลือกเปลี่ยนดาวรุ่งอย่าง เอมิล สมิธ โรว์ และ โจ วิลล็อค ลงสนามทั้งที่มีดาวยิงประสบการณ์อย่าง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ก็ยิ่งดูราวกับว่าอาร์เซน่อลโยนผ้าขาวยอมแพ้


แต่ต่อให้ลากาแซ็ตต์ลงมา อาร์เซน่อลก็ยากที่ชนะอยู่ดี แบบนี้สู้ให้เด็กลงไปเก็บประสบการณ์ไม่ดีกว่าหรือ ลุงเบิร์ก คงคิดแบบนั้น

ลุงเบิร์ก ทำเต็มที่แล้ว แต่ก็อย่างที่หลายคนเห็นสีหน้าและแววตาที่ข้างสนาม กุนซือมือใหม่อย่างเขาก็คงไม่ไหวเพราะภารกิจตรงนี้ก็หนักเกินไป

ทันทีที่จบเกม ลุงเบิร์ก ก็ให้สัมภาษณ์ฝากถึงสโมสรรีบตัดสินใจเรื่องกุนซือใหม่เสียทีจะเอายังไง

มันต้องชัดเจนได้แล้วว่าควรจะเป็นใคร จะได้รีบเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาที่ทั้งหลายที่หมักหมมให้เร็วที่สุด เพทื่อพาทีมกลับสู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง




ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ สถานการร์จะแย่ลงไปอีก และสายเกินแก้เสียแล้ว






-แมนคูเนี่ยน-














ความคิดเห็น