“หงส์แดง” คว้าแชมป์สโมสรโลกสมัยแรกได้สำเร็จหลังเฉือนชนะ ฟลาเม็งโก้ 1-0 โดยเป็นเกมที่ไม่ง่ายเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะเจ้าของแชมป์โกปา ลิเบร์ตาดอเรส สามารถต่อกรได้อย่างยอดเยี่ยมจนต้องไปลุ้นกันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ฮีโร่คนเดิมจากนัดที่แล้วก็สามารถพา หงส์แดง เอาตัวรอดได้สำเร็จ
1) ความเป็นไปของเกม
เกมออกสตาร์ทอย่างวูบวาบกับโอกาสลุ้น 2 ครั้งเหน่งๆ ของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ นาบี เกอิต้า แต่ทั้งคู่กลับยิงออกไปอย่างไม่ได้ลุ้น และโอกาสอื่นๆ หลายต่อหลายครั้ง จนเริ่มแผ่วลงไปเอง กลายเป็นทาง ฟลาเม็งโก้ ที่ตั้งหลักได้และมีโอกาสลุ้นประตูบ้าง หลังจากนั้นทั้ง หงส์แดง และ ฟลาเมงโก้ ต่างบดขยี้กันที่แดนกลางเสียเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่เริ่มต้นครึ่งหลังเป็นทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ ที่ออกสตาร์ทอย่างกระตือรือล้นมากกว่าจนเกือบจะได้ประตูกับลูกยิงชนเสาของ ฟิร์มิโน ก่อนที่สถานการณ์จะเขม็งเกลียวในช่วงท้ายเกมกับลูกยิงไกลของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจังหวะเกือบได้ลูกจุดโทษของ หงส์แดง ก่อนที่การพิจารณาจาก VAR จะให้เป็นเพียงลูกฟรีคิกบนเส้นประตูและจบ 90 ด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์
ในที่สุดความพยายามก็มาประสบผลสำเร็จในนาทีที่ 99 เมื่อลูกจ่ายคิลเลอร์พาสของ เฮนโด้ ส่งให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดไปดวลกับกองหลังหนึ่งต่อหนึ่งที่หน้าปากประตูก่อนถวายให้ให้ ฟีร์มิโน่ สังหารไม่พลาด
2) ฟีร์มีโน่ ฮีโร่อีกแล้ว
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มักจะเป็นคนที่พึ่งพาได้เสมอโดยเฉพาะในเกมที่สำคัญ แต่ละประตูที่เขาทำได้ถือว่ามีความหมายทั้งนั้น อย่างในเกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019 ในช่วงเวลาที่ทีมตามหลัง เชลซี เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลัง ภายในเวลา 5 นาทีเขาก็จ่ายให้ มาเน่ ทำประตูตีเสมอได้ และต่อมาเขาก็ทำแบบเดิมในช่วงต่อเวลาให้ทีมยิงขึ้นนำ 2-1
ในรอบรองชนะเลิศสโมสรโลก เขาก็ถูกเปลี่ยนตัวลงมาและซัดประตูชัยให้ทีมในช่วงท้ายเกม จนกระทั่งในเกมนัดชิงชนะเลิศเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เจ้าตัวจะพลาดโอกาสทองในเวลาถึงสองครั้ง แต่เขาก็มาโชว์ทักษะการเลี้ยงอย่างเยือกเย็นก่อนยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษพา ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์สมัยแรกสำเร็จ
3) สังเวย ดิอ็อกซ์
ในช่วงโปรแกมฟาดแข้งชุกชุมในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก การเสียคีย์แมนสำคัญไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเวลานี้เป็นสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น
อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้ใช้เวลาในสนามอยู่ 75 นาทีก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าซึ่งภาพช้าแสดงให้เห็นว่าเท้าของเจ้าตัวบิดผิดรูปจนต้องถูกหามออกจากสนาม โดยหลังจบเกม มีภาพที่ ดิอ็อกซ์ ต้องใช้ไม้ค้ำในช่วงพิธีการฉลองแชมป์ ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นอาการบาดเจ็บไม่ดีเสียเลย
อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์หลังเกมของ คล็อปป์ มีท่าทีผ่อนคลายมากกว่าที่เราคาดซึ่งอาจจะต้องลุ้นผลการตรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถความร้ายแรงของอาการบาดเจ็บกองกลางตัวเก่งได้
4) วีเออาร์ ช่วยชีวิตฟลาเม็งโก้ไว้
ในช่วงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มีเหตุการณืสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ถูกราฟินญ่ากองหลังของ ฟลาเมงโก้ เสียบล้มลงจากด้านหลังในจังหวะหลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตูจนผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกจุดโทษทันทีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง ราคาบอลไหล
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอย่างชัดเจนจาก VAR แสดงให้เห็นว่าจุดเกิดเหตุเกิดขึ้นที่นอกกรอบเขตโทษชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องไปเหนื่อยกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
5) เป้าหมายที่สาวก “เดอะ ค็อป” รอคอย
ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์สโมสรโลกได้เป็นสมัยแรก ซึ่งเป็นทีมอังกฤษทีมที่สองต่อจาก แมนฯยูไนเต็ด (ปี 2008) ถือเป็นถ้วยที่พวกเขารอคอยอยู่นานพอสมควรหลังเคยชวดมาแล้วครั้งหนึ่งจากการพ่ายแพ้ เซา เปาโล จากบราซิล เมื่อปี 2005
ในตอนนี้ หงส์แดง กวาดแชมป์มาทั้งหมด 2 ถ้วยซึ่งก็คือ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก พวกเขายังอยู่ในเส้นทางแชมป์อีกสามถ้วยด้วยกัน (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกม, พรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ) แต่เชื่อว่าแฟนหงส์แดงคงอยากจะเห็นทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกมากที่สุดซึ่งตอนนี้ ลิเวอร์พูล ก็นำจ่าฝูงทิ้ห่างถึง 10 แต้มด้วยกัน
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น