แม้จะเจอโปรแกรมเตะชุก แต่ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่ารับมือไหวได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากเพิ่งคว้าแชมป์สโมสรโลกมาหมาดๆ โดยบุกไปอาชนะเลสเอตร์ ซิตี้ 4-0 ในเกมบ็อกซิ่ง เดย์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ชัยชนะในแมตช์นี้มีความสำคัญมากๆ เพราะทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ทำคะแนนฉีกหนี “เดอะ ฟ็อกซ์” ไปแล้ว 13 คะแนน และยังมีเกมอยู่ในมืออีก 1 แมตช์ ที่สำคัญพวกเขายังคงรักษาสถิติไม่แพ้ใครในลีกฤดูกาลนี้ และรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่นด้วยคะแนนถึง 52 คะแนน
1) ครองเกมเบ็ดเสร็จเด็ด
เกมนี้สาวก “เดอะ ค็อป” อาจจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสภาพความฟิตเนื่องจากนักเตะลิเวอร์พูล เดินทางไกลกลับมาจากตะวันออกกลาง และได้พักประมาณ 2-3 วันเท่านั้น แถม เลสเตอร์ ซิตี้ มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเอาชนะให้ได้ ฉะนั้นแมตช์นี้มีความเป็นไปได้ที่ “หงส์แดง” จะโดนไล่บด
ทว่าพอเกมเริ่มขึ้นจริง กลับกลายเป็นหงส์แดงถือทำได้ดรีกว่าและเหนือกว่าเจ้าบ้านชัดเจน วิ่งสู้ฟัดไล่เพรสซิ่งจนแนวรับ “สุนัขจิ้งจอก” ปั่นป่วนเล่นผิดพลาดจนทำให้แนวรุกทีมเยือนมีโอกาสจบสกอร์หลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่สามประสาน “SMF” ไม่เฉียบคมพอ
แต่ประตูปลดล็อกจากการโยนของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เผด็จศึกช่วยทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ผ่อนคลาย ส่วนในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังคงครองเกมตลอด ขณะที่ “เดอะ ฟ็อกซ์” แทบไม่ได้โอกาสบุกเข้ามาสร้างความหวาดเสียวให้กับ อลิสซง เบ็คเกอร์ เลย
2) เฮนโด้ บาดเจ็บ
ในเกมนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เล่นได้อย่างโดดเด่นมาก โดยเฉพาะการคุมเกมในแดนกลาง ทั้งลูกบู๊และลูกบุ๋นเมื่อรับบทบาทเป็นห้องเครื่องขับเคลื่อนการเซ็ตเกมรุกที่แดนกลาง เข้าตากับวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลทแยงมุมเปลี่ยนแกน และการเก็บกวาดหน้าแนวรับของทีม
นับเป็นข่าวร้ายไม่น้อยที่กัปตัน เฮนโด้ ต้องกระเผลกออกจากสนามเมื่อมีอาการบาดเจ็บในช่วงเวลาที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ หมดสิทธิ์ใช้งานทั้ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน กับ ฟาบินโญ ไปแล้วก่อนหน้า
3) รุกคม-รับแน่น
การเล่นฟุตบอลในสไตล์ของ คล็อปป์ คือ “เกเก้นเพรสซิ่ง” โดยนักเตะทุกคนต้องวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตลอด และหากเสียบอลก็ต้องรีบแย่งบอลกลับคืนมาให้เร็วที่สุด โดยแมตช์นี้ทุกๆ คนที่ได้ชมเกมต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 3 ประสาน “หินเหล็กไฟ” วิ่งไล่ตั้งแต่หน้าประตูคู่แข่ง
ขณะที่แผงกองกลางทั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, นาบี เกอิต้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำหน้าที่เป็นพลังขับเคลื่อนคอยสนับสนุนแนวรุก และยังลงมาช่วยเกมรับด้วย จะเห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนพร้อมไล่บี้เพื่อแย่งบอลในแดนกลาง จนแผงมิดฟิลด์เลสเตอร์ ทำอะไรไม่ได้เลย
4) เทรนท์ ระเบิดฟอร์ม
2 แอสซิสต์กับอีก 1 ประตูเป็นตัวเลขยืนยันมาตรฐานของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวา สเกาเซอร์ พันธ์แท้วัยเพียง 21 กะรัต ได้เป็นอย่างดี ทีเด็ดบอลวันนี้
“เจ้าหนูเทรนต์” สามารถกดดันเกมรับทางฝั่งซ้ายของ “สุนัขจิ้งจอก” ได้ตลอด แต่ทีเด็ดของเขาไม่ใช่แค่การอยู่ทางฝั่งขวาเท่านั้น เพราะมีหลายครั้งที่เจ้าตัววิ่งไปเล่นทางฝั่งซ้ายและเปิดบอลให้ทีมทำประตู ลูกครอสครั้งแล้วครั้งเล่าของเจ้าตัวไม่ว่าจะเป็นการเปิดโด่งไซด์โป้ง, เปิดฮาล์ฟวอลเลย์ระดับเข่า, เปิดไปที่จุดนับพบ รวมทั้งเปิดเลียดยัดเข้าไปยังพื้นที่อันตราย
ทั้งหมดสามารถสร้างความกดดันให้กับแนวรับของ เลสเตอร์ ซิตี้ แทบตลอดทั้งเกม โดยแมตช์นี้ก็เช่นกัน เมื่อ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลให้ ฟีร์มีโน่ จบสกอร์อย่างงดงามในครึ่งแรก
นอกจากนี้ ยังโชว์ความฟิตระดับเต็มถังเมื่อทะยานจากหน้าปากประตูตัวเองไปจนถึงในกรอบเขตโทษเจ้าถิ่นในจังหวะสวนกลับช่วงท้ายเกมก่อนสังหารด้วยหลังเท้าราวกับกองหน้าอาชีพเป็นประตูปิดท้าย 4-0 ให้ เร้ดแมชีน
5) รอดวล หมาป่า
หากไม่นับเกมคาราบาว คัพ ที่แพ้ยับ แอสตัน วิลล่า ต้องบอกว่า “เดอะ เร้ดส์” ทำผลงานได้ดีเยี่ยม โดยในเกมล่าสุดสามารถบุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งลุ้นแชมป์ลีก แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งสกอร์ และรูปเกม ทำให้ตอนนี้การผลัดเปลี่ยนจากปี 2019 สู่ปี 2020 ดูช่างสดใสเหลือเกิน
โปรแกรมต่อไปของ ลิเวอร์พูล คือการเปิดถิ่นแอนฟิลด์ รับมือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ วันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค. จากนั้นยังได้เล่นในบ้านปะทะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในวันพฤหัสบดีที่ 4 ม.ค. 2020 ทั้งสองเกมนี้หลายคนอาจจะมองว่า “หงส์แดง” เหนือกว่า แต่ด้วยสไตล์ของ คล็อปป์ ไม่มีทางที่จะคิดแบบนั้นแน่นอน และมองว่าทุกเกมมีความหมาย จึงต้องเน้นเหมือนที่เยือน เลสเตอร์
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น