ลิเวอร์พูล ยังคงรักษามาตรฐานในการเข้ารอบแบบยากเย็นแสนเข็นต่อไป ล่าสุดเปิดรังแอนฟิลด์ เสมอ นาโปลี 1-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี นัดห้า เมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ต้องไปวัดการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในเกมเยือน เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
นาโปลี ช่วงหลังฟอร์มตกหนัก แต่เมื่อไหร่ที่ดวลกับ “หงส์แดง” พวกเขามักจะเล่นดี เป้นตัวแสบเสมอ และเกมนี้ก็เช่นกัน เมื่อ “อัซซูร่า” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ดรีส์ เมอร์เท่นส์ แต่กระนั้นเจ้าบ้านก็มาได้ประตูตีเสมอจาก เดยัน ลอฟเรน ในช่วงกลางครึ่งหลัง
แม้โดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูล จะครองเกมได้เหนือกว่าผู้มาเยือน แต่ดูเหมือนฟอร์มของพวกเขาค่อนข้างจะฝืด โดยเฉพาะเกมรุกเพราะสามประสาน ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟอร์มค่อนข้างมีปัญหา และนี่คือสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องพยายามหาทางแก้ปัญหาเป็นการด่วน หากอยากยืดอายุการป้องกันแชมป์โทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” ต่อไป
1) เกมรับไม่เหนียวแน่นเหมือนเดิม
ลิเวอร์พูล โชว์ให้เห็นอีกครั้งถึงความตายยาก เมื่อพวกเขาคัมแบ็กตีเสมอกลับมาได้ในครึ่งหลัง โดยในปี 2019 ดพวกเขาปราชัยไปเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้นโดยมีหัวใจสำคัญในแดนหลังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เข้ามาเติมเต็มทีมตั้งแต่เมื่อฤดูกาลก่อน
อย่างไรก็ตาม เกมรับในซีซั่นนี้กลับไม่เหนียวแน่นเหมือนเดิม ซีวั่นนี้รักษาคลีนชีตได้เพียง 3 นัดเท่านั้นมี และเกมกับ นาโปลี พวกเขาก็เสียประตูให้กับทีมคู่แข่งอีกครั้งตั้งแต่ครึ่งแรก
แต่ทีมยังคงมีผลงานโดยรวมที่ดีเมื่อเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง หรือเลวร้ายที่สุดพวกเขาก็ยังไม่ปราชัยต่อคู่ต่อสู้ทำให้ความผิดพลาดในเกมรับยังคงถูกมองข้าม แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงคิวเตะสุดโหดต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับแดนหลังของทีมให้ได้เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของฤดูกาลด้วยผลงานที่ดี
2) ฟาบินโญ่ เดี้ยง
สาวก “หงส์แดง” ใจคอไม่ดีนัก เมื่อเห็นภาพ ฟาบินโญ่ ลงไปนั่งทรุดอยู่ที่พื้นสนาม จนต้องเดินออกจากสนามตั้งแต่ต้นเกมด้วยอาการบาดเจ็บ และงานนี้ต้องลุ้นหนักว่า สตาร์ชาวบราซิเลียน จะต้องพักนานแค่ไหน
งานนี้ “เดอะค็อป” คงได้แต่ภาวนาว่าอาการของมิดฟิลด์ บราซิเลียน จะไม่ร้ายแรงนักเมื่อมีโปรแกรมหนักรออยู่ ในศึกดาร์บี้แมตช์พบ เอฟเวอร์ตัน ตามด้วย บอร์นมัธ
และเยือน เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งเป็นเกมสำคัญตัดสินการเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก
3) ลอฟเรน โดดเด่น
เกมกับ นาโปลี นั้น ลอฟเรน ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว โดยสามารถจัดการกับเกมรุกที่เร็วจี๊ดจ๊าดของ นาโปลี ได้อยู่หมัด ที่สำคัญยังมีส่วนในการทำให้ “หงส์แดง” แบ่งแต้มในแมตช์นี้ จากการขึ้นไปช่วยทีมกดดันคู่แข่งในจังหวะเตะมุม และนำไปสู่ประตูตีเสมอได้สำเร็จ
ตอนนี้คงต้องยอมรับว่า ลอฟเรน สามารถทำหน้าที่ได้น่าประทับใจ และในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น การไว้วางใจ ปราการเหล็กจากโครเอเชีย น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ทีเด็ดบอลวันนี้
4) แชมเบอร์เลน ช่วยเปลี่ยนเกม
ตลอด 57 นาที แผงกลางของ “หงส์แดง” ขาดการบุกที่ดุดัน และสร้างสรรค์ แถมจังหวะการผ่านบอลสวยๆ ก็ไม่ค่อยดี จนกระทั่ง คล็อปป์ ตัดสินใจถอด โกเมซ ออก และส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาทำให้กองกลางเจ้าบ้านกลับมาครองเกมเหนือกว่าทันตาเห็น
ตลอดระยะเวลาที่ แชมเบอร์เลน ลงสนาม สามารถประสานงานกับ “เฮนโด้” และ ไวจ์นัลดุม ได้เป็นอย่างที่ โดยเฉพาะความดุดันและความเร็วของเขาจัดการเกมรับ นาโปลี ได้ตลอด ที่สำคัญก็คือการใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการทะลุทะลวงเข้าไปในกรอบเขตโทษ
หากคล็อปป์เลือกส่งเขาตั้งแต่ต้รนเกม หรือแทนฟาบินโญ่ที่บาดเจ็บ รูปเกมของหวส์แดงอาจเปลี่ยนไปมากกว่านี้ก็เป็นได้
5) เหนื่อยแน่ที่ซัลซ์บวร์ก
จากผลเสมอกับนาโปลี ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังต้องเหนื่อยหนักในการลุ้นเข้ารอบเข้า 16 ทีมสุดท้าย เช่นเดียวกับ นาโปลี และ ซัลซ์บวร์ก ที่ยังมีลุ้นเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้าย
หงส์แดง ต้องการเพียงแค่ 1 คะแนนในการเยือน เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เพื่อเข้าไปป้องกันแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป ขณะที่ นาโปลี น่าจะตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์เนื่องจากพวกเขามีคิวรับมือ เกงค์ ที่เมืองเนเปิ้ลส์ และโอกาสคว้า 3 คะแนนมีค่อนข้างสูงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามทัพ เร้ดแมชีน จะร่วงไปเล่นในศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก ทันทีหากพวกเขาปราชัยต่อ ซัลซ์บวร์ก และ นาโปลี เอาชนะ เกงค์ ได้
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น