แชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ โชว์ให้เห็นถึงความเก๋า ประสบการณ์ความเขี้ยวพวกเขาหลังเอาชนะ เชลซี ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้สำเร็จ เป็นเกมที่ทั้งสองแลกหมัดกันอย่างสนุก แต่ต้องชมแนวรุก “เรือใบสีฟ้า” ที่คงเส้นคงวามากกว่าทำให้ซิวชัยไปได้ เรามีประเด็นน่าสนใจจากเกมนี้มาฝากกัน
1) เชลซีเสียบอลง่าย
เชลซี ในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นทีมที่กล้าผ่านบอลไปมาในพื้นที่อันตรายโดยเฉพาะในแดนหลัง โดยมีมิดฟิลด์ลงไปล้วงบอลต่ำ มีหลายครั้งที่พวกเขาทำได้เยี่ยมทั้งการจับบอล และการเคลื่อนที่เพื่อหลีกหนีการเพรสซิ่งจากทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และคนอื่นๆ แต่มันเป็นแผนการที่ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร หากเสียบอลให้กับแนวรุกของ แมนฯซิตี้ จะเห็นว่าในช่วง 45 นาทีแรกพวกเขาจ่ายบอลผิดพลาดง่ายๆถึง 3 ครั้ง
จอร์จินโญ่ พยายามจ่ายบอลตรงกลางสนามแต่โดน เควิน เดอ บรอยน์ ฉกตัดบอลและเป็นที่มาของประตูตีเสมอ ขณะที่ มาเตโอ โควาซิช ก็ไม่ต่างกัน การเสียบอลของเขานำมาซึ่งประตูชัยของ ริยาด มาห์เรซ
ส่วน เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ก็ดันจ่ายบอลผิดพลาดง่ายๆ โชคดีที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงชนคาน หาก แลมพาร์ด ยังคงใช้สไตล์การเล่นแบบนี้ต่อไปเขาคงต้องกำชับลูกทีมให้มากขึ้นไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษเหมือนเกมกับ แมนฯซิตี้
2) มาห์เรซแผลงฤทธิ์
โดยปกติแล้ว เกมริมเส้นถือป็นจุดเด่นของซิตี้ โดยเฉพาะกับ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่มักปั่นป่วนแผงหลังคู่แข่งและมีส่วนกับการทำประตูอยู่เสมอ แต่เกมนี้เขากลับเล่นไม่ออก แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมรุกเลย แต่เป็น ริยาด มาห์เรซ อีกคนที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นขึ้นมาแทน
เกมนี้ปีกชาวแอลจีเรีย ได้ลงเล่นแทน แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ติดโทษแบนจากกรณีที่โพสต์ทวิตเตอร์แซว เบนฌาแม็ง เมนดี้ ซึ่งนี่ถือเป็นแค่เกมที่ 5 เท่านั้นที่เขาออกสตาร์ทในฤดูกาลนี้ ทั้งๆที่เขาลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบทุกนัด มาห์เรซ ไม่ทำให้ เป๊ป ผิดหวังเมื่อเขาพาทัวร์แนวรับเชลซีเป็นว่าเล่น
และเป็นคนซัดประตูชัยให้กับทีมด้วย ไม่มีผู้เล่น “เรือใบสีฟ้า” คนไหนในเกมนี้ที่มีโอกาสยิงประตูและเลี้ยงผ่านคู่แข่งมากกว่าเขาอีกแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงนายใหญ่ แมนฯซิตี้ ว่าให้เขามีโอกาสลงสนามในลีกมากขึ้น
3) ก็องเต้เด่นเลย
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยังคงพิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่าเขาไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องเกมรับอย่างเดียว แต่เกมรุกก็ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน จังหวะสอดขึ้นมาในกรอบเขตโทษและยิงประตูเมื่อคืนที่ผ่านมาต้องบอกว่าทำได้ดีไม่แพ้แนวรุกคนอื่นๆ โดยฤดูกาลนี้โอกาสยิงตรงกรอบ 3 ครั้งของเขาสามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ทั้งหมด (ยิงใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน, ลิเวอร์พูล และแมนฯซิตี้)
4) ความหวังไล่ล่าแชมป์
การเก็บชัยชนะของ “หงส์แดง” 2-1 กับคริสตัล พาเลซ ทำให้โยนความกดดันมาถึงผู้เล่น แมนฯซิตี้ เพราพวกเขาต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นไม่อย่างนั้นคะแนนจะโดนทิ้งห่างไปมาก ซึ่งส่งผลต่อการลุ้นแชมป์เลย ซึ่ง “เรือใบสีฟ้า” ก็ตอบสนองได้เยี่ยมและแซงชนะ เชลซี ได้สำเร็จทำให้แต้มยังคงตามหลังจ่าฝูง 9 แต้มเช่นเคย มีแค่ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ขวางทางพวกเขากับจ่าฝูงอยู่
ถือเป็นการเรียกความมั่นใจได้อีกครั้งหลังจากการพ่ายแพ้หมดรูปที่ แอนฟิลด์ หลังจากนี้พวกเขามีเกมพบ นิวคาสเซิ่ล และเบิร์นลีย์ ซึ่งเชื่อว่าหากไม่ประมาทพวกเขาก็น่าจะยังไล่บี้กลุ่มหัวตารางกันต่อไป ก่อนที่ต้นเดือนหน้าจะมีโปรแกรมสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีเด็ดบอล
5) “สิงห์บลูส์” หยุดสถิติชนะรวด
หลังจาก แมนฯซิตี้ เฉือนชนะ เชลซี ได้ นั่นทำให้พวกเขาหยุดสถิติชนะในลีกของ “สิงห์บลูส์” ไว้ที่ 6 นัดติดต่อกัน และยังสามารถหยุดสถิติชนะนอกบ้านไว้ที่ 7 นัดติดต่อกันในทุกรายการด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้ เชลซี เป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในการเล่นเกมเยือนในลีกฤดูกาลนี้ (14 ประตู) แต่ในทางกลับกันทีม สิงโตน้ำเงินคราม ก็เป็นทีมที่ยิงประตูมากที่สุดในการเล่นเกมเยือนซีซั่นนี้ (19 ประตู) เช่นกัน
เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น