เจาะ 5 ข้อ หงส์แดงหักคอไก่เดือยทอง


โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดประตูสำคัญช่วย ลิเวอร์พูล ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ “หงส์แดง” ยังคงยึดตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น และนำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 แต้มเหมือนเดิม

“เดอะ เร้ดแมชชีน” เกือบแย่เมื่อโดน สเปอร์ส ขึ้นนำไปตั้งแต่ไก่โห่ ก่อนที่จะได้ “เฮนโด้” และ “บังโม” 
ช่วยกันยิงคนละลูกทำให้เก็บ 3 คะแนนสำคัญ โดยในเกมนี้ เปาโล กัซซานิก้า นายด่านมือ 2 ของทีมเยือน เป็นคนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ โชว์ซุปเปอร์เซฟเหนียวหนึบหลายต่อหลายครั้ง เกือบจะทำให้หงส์แดงไม่ชนะซะแล้ว

อย่างไรก็ตามจุดเด่นที่เห็นได้ชัดสำหรับขุนพล “หงส์แดง” ในยุคกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คือหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนคงถอดใจทิ้งไปแล้ว แต่ไม่ใช่ในยุคนี้พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ 
แม้จะโดนนำก่อนหลายเกม และในแมตช์รับมือ “ไก่เดือยทอง” ถือเป็นการคัมแบ็ก ได้เป็นอย่างดีอีกครั้ง




1) หงส์แดงไม่หวั่นต้องแรงกดดัน



เกมนี้ “ไก่เดือยทอง” ได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ยังไม่ถึง 1 นาทีจากการเล่นผิดพลาดในแดนกลางก่อนจะถูกตัดเกม และทีมเยือนสวนกลับ จากนั้นทุกอย่างมาจบลงที่หัวของ แฮร์รี่ เคน แน่นอนว่าการตกเป็นรองตั้งแต่ไก่โห่ คงทำให้ “หงส์แดง” ต้องเจอกับงานสุดหินในการเจาะแนวรับ สเปอร์ส

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในเรื่องสภาพจิตใจเมื่อพวกเขายังคงเดินหน้าแบบไม่เกรงใจไล่บดขยี้อาคันตุกะเพื่อหวังเอาประตูคืนให้เร็วที่สุด โดยในครึ่งแรกเจ้าบ้านมีโอกาสยิงประตูหลายต่อหลายครั้งแต่โดน เปาโล กัซซานิก้า เซฟได้อย่างน่าเหลือเชื่อหลายต่อหลายครั้ง

กระนั้นในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ก็ยังคงไม่ได้รู้สึกกดดันในการตกเป็นรอง สเปอร์ส และเดินหน้าเล่นเกมบุกพร้อมกับไล่กดดัน และเชื่อมั่นว่าจะยิงประตูได้ จนสุดท้ายคุณภาพในการเล่นของทัพ “เดอะ เร้ดส์” สามารถจัดการข่มคู่แข่งได้สำเร็จ และคว้า 3 คะแนนสำคัญได้อย่างยอดเยี่ยม


2) แอนฟิลด์ ฝันร้ายของทีมเยือน


ลิเวอร์พูลลงเล่นในแอนฟิลด์ 12 เกมหลังสุด (รวมแมตช์ชนะ สเปอร์ส) ในพรีเมียร์ลีก พวกเขาสะกดคำว่า “แพ้” และ “เสมอ” ไม่เป็นเลย และตอนนี้มีโอกาสที่จะก้าวเข้าไปเทียบสถิติสูงสุดที่ต้นสังกัดเคยทำได้นั่นก็คือ 13 แมตช์เมื่อเดือนเมษายน-พฤศจิกายน 1985

ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่แพ้ใครใน 10 แมตช์หลังสุดในเกมลีกเมื่อตกเป็นรอง 1 ประตูในสนามเหย้าของตัวเอง แถมยังชนะ 7 แมตช์ และเสมอ 3 เกม ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ 6 แมตช์หลังสุดพวกเขาเก็บชัยชนะเรียบวุธซะด้วย

ส่วนสถิติที่สุดสยองจนทีมเยือนต้องขาสั่นนั่นก็คือ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ในแอนฟิลด์ เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 45 แมตช์เข้าไปแล้ว โดยชนะ 35 เกม เสมอ 10 แมตช์ สถิตินี้ยาวนานมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 ฉะนั้นความแข็งแกร่งในการเล่นในบ้านถือเรื่องที่ “หงส์แดง” ได้เปรียบอย่างมากเมื่อเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง


3) กัซซานิก้า วิญญาณปลาหมึกเข้าสิง


เปาโล กัซซานิก้า ผู้รักษาประตูมือ 2 ของ สเปอร์ส ได้รับโอกาสลงมาเฝ้าเสาแทน อูโก้ โยริส นายทวารมากประสบการณ์ที่มีปัญหาบาดเจ็บจนต้องพักยาว ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดีสำหรับแนวรุกของ “หงส์แดง” ที่จะได้เจาะตาข่ายผู้มาเยือน แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรเพราะ นายด่านชาวอาร์เจนไตน์ โชว์หนึบเกินบรรยาย แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดโกล เมื่อป้องกันจังหวะสำคัญๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อในครึ่งแรก

ทั้งจากการยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และอีกหลายต่อหลายครั้งในครึ่งหลัง โดนปฏิเสธจาก กัซซานิก้า อย่างน่าเหลือเชื่อ งานนี้หาก โยริส หายเจ็บกลับมาจะมีโอกาสได้เป็นมือ 1 หรือเปล่า….

ที่สำคัญหากเกมนี้ ลิเวอร์พูล ได้แค่ 1 แต้มหรือไม่ได้เลยในบ้านตัวเอง หนึ่งในสิ่งที่แฟนบอล “เดอะ ค็อป” ต้องจดจำเอาไว้ก็คือความเหนียวหนึบของ นายด่านวัย 27 ปี แต่ยังดีที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ “บังโม” ช่วยกันยิงคนละประตู พาทีมพลิกกลับมาชนะได้


4) ปัญหาเซนเตอร์แบ็ก


ลิเวอร์พูล ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ ตลอดช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมานั่นก็คือการหาเซนเตอร์แบ็กชั้นดีมาคุมแนวรับ ขนาดได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาร่วมทีม แต่กลับกลายเป็นว่า “หงส์แดง” ต้องเจอปัญหาในการที่จะหาคู่หูให้กับปราการหลังชาวดัตช์คนนี้

ในเกมกับ “ไก่เดือยทอง” ดูเหมือนว่าเกมรับของเจ้าบ้านต้องเจอกับปัญหาในการรับมือกับแนวรุกของทีมเยือน โดยเฉพาะการเล่นสวนกลับจาก แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง-มิน ที่ตั้งใจเล่นงาน เดยัน ลอฟเรน ที่มักมีปัญหาเอาแนวรุกสเปอร์สไม่อยู่ วิเคราะห์ บอล วัน นี้ สปอร์ต พลู



5) เคน ยังพึ่งได้


ด้วยวัยเพียง 26 ปี แต่ตอนนี้เคนเป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 3 ในหน้าประวัติศาสตร์ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยิ่งหากพิจารณาจากการที่เขาตะบันประตูเป็นกอบเป็นกำโดยตามหลัง จิมมี่ กรีฟส์ (266 ประตู) ตำนานของทีมเพียงแค่ 92 ประตูเท่านั้น

แน่นอนว่า เคน สมควรที่จะได้รับการกล่าวขวัญจากผลงานของเขาในเวลานี้ เพราะสถิติของนักเตะเป็นสิ่งที่ต้องยกย่องอย่างมาก





เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน











ความคิดเห็น