เลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างโคตรสุดยอดเมื่อบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 9-0 ที่สนามเซนต์ แมรี่ส์ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งให้เดอะ ฟ็อกซ์ ไปรั้งตำแหน่งอันดับ 3 ในตารางเรียบร้อย
ในเกมนี้ต้องบอกว่า “เดอะ ฟ็อกซ์” เล่นได้ดีมากๆ แถมยังมาครองความได้เปรียบจากการที่ “นักบุญ” เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งนั่นทำให้เกมของทีมเยือนเล่นได้ง่ายขึ้น ครึ่งแรกก็วัดไป 5 ลูกแทบจะจบเกมแล้ว แต่ครึ่งหลังเลสเตอร์ยังรัวไม่หยุดจัดเพิ่มอีก 4 ดอกเน้นๆ ทำให้นักบุญพ่ายเละเทะหมดรูปจริงๆ
แน่นอนว่าชัยชนะในแมตช์นี้นอกจากจะสร้างสถิติมากมายแล้ว โดยหนึ่งในนั้นก็คือการเป็นทีมที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก มากสุดเทียบเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทำเอาไว้เมื่อกว่า 24 ปีที่แล้ว ฟอร์มของพวกเขายังแสดงให้เห็นว่าสามารถเทียบกับทีมจอมบุกอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ได้ไม่ยิ่งหย่อนเลยทีเดียว
1) “วีเออาร์” จุดเปลี่ยนเกม
สำหรับแมตช์นี้แน่นอนว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ดูเหนือกว่าจากฟอร์มการเล่น และศักยภาพของขุมกำลัง เนื่องจากก่อนหน้าเกมนี้สถิติของเจ้าบ้านค่อนข้างย่ำแย่เมื่อพวกเขายังสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็น 4 เกมในพรีเมียร์ลีกโดยเก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
เริ่มเกมไปแค่ 10 นาที “เดอะ ฟ็อกซ์” ได้ประตูขึ้นนำจาก เบน ชิลเวลล์ อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ อังเดร มาร์ริเนอร์ ได้ใช้วีเออาร์ย้อนกลับมาลงโทษ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ในจังหวะที่เปิดปุ่มสตั๊ดใส่หน้าแข้ง อาโยเซ่ เปเรซ อย่างน่าเกลียด ด้วยการแจกใบแดงไล่ออกจากสนาม
จากเหตุการณ์นั้นนอกจาก “นักบุญ” จะเสียเปรียบตัวผู้เล่นแล้ว เลสเตอร์ ยังฉกฉวยความได้เปรียบนี้ด้วยการเดินหน้าฆ่าไม่ยั้งตามสไตล์ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และนั่นนำไปสู่การสร้างสถิติยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเทียบเท่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถลุงยับไม่นับญาติ อิปสวิช ทาวน์ สกอร์เดียวกัน เมื่อปี 1995
โดยทั้ง เจมี่ วาร์ดี้ และ อาโยเซ่ เปเรซ ยังช่วยกันทำคนละแฮตทริกอีกด้วย
2) เลข 9 เด็ด
เห็นเลข 9 สามตัวแบบนี้เปรียบดั่งเลขมงคล และหากเกิดขึ้นช่วงต้นหรือกลางเดือนอาจจะคิดว่าเป็นการใบ้หวย แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกี่ยวพันกับจำนวนสกอร์ที่ทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ทำได้ในเกมบุกถล่มสนามเซนต์ แมรี่ส์ กับ เจมี่ วาร์ดี้ เพียงลำพัง
สกอร์ 9-0 ถือเป็นสกอร์ที่มโหฬารมากสุดในเกมหนึ่งของพรีเมียร์ลีก โดยสามในเก้าประตูมาจากความยอดเยี่ยมของ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ซึ่งสวมเสื้อหมายเลข 9 ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ และทำให้ตอนนี้เขาตะบันประตูไปแล้ว 9 ลูก แซงหน้า เซร์คิโอ อเกวโร่ ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดในฤดูกาลนี้ได้แล้ว (แมนฯ ซิตี้ แข่งวันเสาร์)
วาร์ดี้ กลับมาระเบิดฟอร์มยิงประตูอีกครั้งมาจากการวางแท็คติกของ ร็อดเจอร์ส ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่านิยมชมชอบสไตล์การเล่นแบบเปิดเกมรุกเป็นหลัก แถมต่อให้ยิงประตูขาดไปแล้วตั้งแต่ครึ่งแรก (นำ 5-0) แต่ “บีร็อด” ยังคงสั่งลูกทีมลุยบดขยี้ไม่หยุด ซึ่งนี่คือกุญแจสำคัญที่ทำ วาร์ดี้ มีโอกาสยิงประตูเป็นว่าเล่นในเกมนี้
3) อาโยเซ่ เปเรซ ฝันร้ายของ “นักบุญ”
อาโยเซ่ เปเรซ ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ มาอยู่ในถิ่งคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้รวมถึงสถิติการยิงประตูยังค่อนข้างน่าผิดหวัง เมื่อยังไม่สามารถทำประตูได้เลยในสีเสื้อจิ้งจอกสยาม
แต่เกมนี้ เปเรซ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น ซัดแฮตทริกได้ด้วย และเขากลายเป็นนักเตะคนแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตะบันแฮตทริกใส่คู่แข่งทีมเดียว (เซาธ์แฮมป์ตัน) 2 ครั้งติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ หลุยส์ ซัวเรซ เคยทำได้สมัยเล่นกับ ลิเวอร์พูล เกมปะทะ นอริช ซิตี้ เมื่อเดือนกันยายน 2012
4) เลสเตอร์ สร้างสถิติถล่มทลาย
– เลสเตอร์ ยิง 3 ประตูในเวลาเพียง 19 นาทีแมตช์ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตันซึ่งเร็วที่สุดที่พวกเขาเคยยิงนำสามประตูในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนเมษายน 1998 ที่พบกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ (8 นาที)
– “เดอะ ฟ็อกซ์” เป็นทีมที่สองในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ยิงประตูขึ้นนำ 5 ลูกในครึ่งแรกในฐานะทีมเยือน หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยทำได้ในเกมพบ เบิร์นลี่ย์ เมื่อเดือนเมษายน 2015 (5-0)
– เลสเตอร์ กลายเป็นทีมที่สองในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่มีผู้เล่น 2 คนร่วมกันทำคนละแฮตทริกในเกมเดียวกัน (เปเรซ กับ วาร์ดี้) หลังจากที่ อาร์เซน่อล เคยทำได้ในเดือนพฤษภาคม 2003 ในเกมพบ เซาธ์แฮมป์ตัน (เพนแนนท์ กับ ปิแรส)
– เลสเตอร์ สร้างสถิติเก็บชัยชนะด้วยสกอร์มโหฬารในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเทียบเท่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถล่ม อิปสวิช ทาวน์ 9-0 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนมีนาคม 1995
– เลสเตอร์ สร้างสถิติเป็นทีมที่ชนะขาดลอยสุดในฐานะทีมเยือน ในหน้าประวัติศาสตร์ 131 ปีเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี (ในชื่อเดิม ดิวิชั่น 1 และชื่อปัจจุบันพรีเมียร์ลีก) ทีเด็ดบอล
5) ผลงานยืน 1 เท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด
สกอร์ที่ชนะขาดลอยในแมตช์นี้ทำให้ เลสเตอร์ ยืนเคียงข้างกับแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย ในฐานะสโมสรที่ทำประตูคู่แข่งมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และในตอนนี้มีอยู่ 10 แมตช์ที่ทีมไล่ถล่มคู่แข่งแบบยับยับเยิน
10 อาร์เซน่อล 7-0 เอฟเวอร์ตัน (2005)
9. น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ 1-8 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1999)
8. มิดเดิลสโบรช์ 8-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2008)
7. เชลซี 8-0 วีแกน แอธเลติก (2010)
6. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-0 วัตฟอร์ด (2019)
5. เชลซี 8-0 แอสตัน วิลล่า (2012)
4. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 8-0 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ (1999)
3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 9-1 วีแกน แอธเลติก (2009)
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 อิปสวิช ทาวน์ (1995)
1. เซาธ์แฮมป์ตัน 0-9 เลสเตอร์ ซิตี้ (2019)
9. น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ 1-8 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1999)
8. มิดเดิลสโบรช์ 8-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2008)
7. เชลซี 8-0 วีแกน แอธเลติก (2010)
6. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-0 วัตฟอร์ด (2019)
5. เชลซี 8-0 แอสตัน วิลล่า (2012)
4. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 8-0 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ (1999)
3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 9-1 วีแกน แอธเลติก (2009)
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 อิปสวิช ทาวน์ (1995)
1. เซาธ์แฮมป์ตัน 0-9 เลสเตอร์ ซิตี้ (2019)
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น