ถ้าพูดถึงหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกที่คอยปัดกวาดเกมรุกของอีกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ผลงานในสนามสร้างชื่อให้กับตัวเอง หนึ่งในชั่วโมงนี้ต้องมีชื่อคือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อย่างแน่นอน
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือ อีกหนึ่งนักฟุตบอลที่เป็นแรงบัลดาลใจและต้นแบบของความพยายาม ความทุ่มเท อย่างมาก เขาไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะได้รางวัลส่วนตัว ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ต้องการโดดเด่นหรือจะต้องคอยทำประตูให้ได้ เขาต้องการเพียงแค่เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่าย และทีมได้รับชัยชนะในนัดนั้นก็เพียงพอ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ คอยแย่งลูกและคอยตัดเกมจากฝั่งตรงข้าม
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เกิดวันที่ 29 มีนาคม 1991 เติบโตในย่าน Rueil-Malmaison โดยคุณพ่อและคุณแม่อพยพจากมาลีมาตั้งรกรากในฝรั่งเศสเมื่อปี 1980 และเริ่มเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลเยาวชนตอน 8 ขวบ โดยฝึกซ้อมกับทีมระดับเยาวชนของ ซูว์แรน และมักจะขี่สกูตเตอร์ไปซ้อมฟุตบอลขึ้น-ลงทางลาดชันเป็นประจำ
จนอายุครบ 19 ปี ได้ย้ายไปร่วมสโมสร บูโลญจน์ ทีมในระดับ ลีก เดอซ์ ในปี 2012/13 จากนั้น ก็อง ก็จัดการล่าลายเซ็นของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทันที หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2012/13 ในช่วงที่อยู่กับ ก็อง ในฤดูกาล 2013/14 ก็องเต้ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ทันที
โดยลงช่วยทีมไปถึง 38 นัด เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของฝรั่งเศสได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายไป
ในฤดูกาลที่ 2 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงช่วยต้นสังกัดอย่าง ก็อง ไป 37 นัด ทำให้กองกลางห้องเครื่องรายนี้ต่างเป็นที่สนใจของสโมสรชั้นนำทั่วยุโรป โดยเฉพาะทีมอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย ยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่ต้องการตัวของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อย่างมากจนทำให้เจ้าตัวลังเลว่าจะไปร่วมทีมไหนดี ก่อนที่สุดท้ายกลับเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัวกองกลางรายนี้ไปคุมแดนกลาง
ในปี 2015-2016 เลสเตอร์ ตัดสินใจดึงตัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 8 ล้านปอนด์ เป็นนักเตะคนแรกภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่เซ็นสัญญามาร่วมทัพ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เดินทางเข้าสู่พรีเมียร์ลีก ด้วยสัญญา 4 ปี เพียงไม่กี่นัด กองกลางรายนี้ประกาศศักดายึดตัวจริงในตำแหน่งกองกลางทันที ด้วยความสามารถด้านการแย่งบอล เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นเหมือนปีศาจยามที่อยู่บนสนาม
และครองตำแหน่งนักเตะที่เข้าปะทะแย่งบอลและตัดบอลเป็นอันดับ 1 ของลีก ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นเล่นได้ง่ายขึ้น กล้าเล่นกล้าบุกมากขึ้น
ส่งผลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ แข็งแกร่งมาก จนก้าวขึ้นไปเถลิงบัลลังแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ ชนิดที่เหนือความคาดหมายไปเลย จนเหตุการณ์นี้เรียกว่า “เทพนิยายจิ้งจอกสยาม”
หลังจากพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็เดินทางหาความท้าทายใหม่ทันทีด้วยการย้ายเข้าสู่เชลซี หนึ่งในทีมท็อป 6 ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดย เชลซี จัดการทุ่มเงินมหาศาลถึง 32 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2016/2017 ในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นผู้จัดการทีม โดยได้รับเบอร์เสื้อหมายเลข 7 ต่อจาก รามิเรส ที่ย้ายไปค้าแข้งที่ลีกจีน
เพียงฤดูกาลเดียวอีกเช่นกันที่กองกลางห้องเครื่องรายนี้ จัดการพา เชลซี ก้าวขึ้นเป็นแชมป์สูงสุดของเกาะอังกฤษได้อีกครั้ง เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ที่คว้าแชมป์ได้ 2 ฤดูกาลติด จาก 2 สโมสร แสดงให้เห็นว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในโลกได้สำเร็จ พร้อมด้วยสถิติการเข้าปะทะที่มากที่สุดในลีกเหมือนเช่นเดิม
แถมด้วยรางวัลผู้เล่นแห่งปีสองสถาบันทั้งสมาคมนักเตะอาชีพและสมาคมนักข่าว ปีต่อมาแม้เชลซีจะไม่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ได้ แต่ยังสามารถพาทีมเป็นแชมป์บอลถ้วยเอฟเอ คัพ ได้
จากนั้นเดินทางไปร่วมศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียกับทีมชาติ ฝรั่งเศส และทัวร์นาเมนต์นี้ ก็องเต้ คือหนึ่งในผู้เล่นที่มีผลงานดีที่สุดกับ ฝรั่งเศส ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์จนพาทีม “เลส์ เบลอร์ส” เถลิงบัลลงก์แชมป์ สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ และในซีซั่นที่แล้ว แม้เชลซีฟอร์มจะกระท่อนกระแท่นไปมา แต่ก็องเต้ก็ยังเป็นกำลังหลักที่สำคัญขาดไปไม่ได้ จนช่วยให้เชลซี คว้า แชมป์ ยูโรปา ลีก 2018/19 ได้สำเร็จ วิเคราะห์บอล
เรียกว่าตั้งแต่เขาย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษ ก็องเต้ช่วยให้ทีมนั้นคว้าแชมป์อย่างน้อย 1 รายการในซีซั่นนั้น
ซึ่งแฟนเชลซีชื่นชมในตัวของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อย่างมาก ถึงขนาดโดนนำไปเปรียบเทียบกับยอดกองกลางตำนานของสโมสรอย่าง โคลด มาเกเลเล่ กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเป็นขวัญใจของพลพรรคสิงโตน้ำเงินครามได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ก็องเต้ เป็นคนถ่อมตัว มีไลฟ์สไตล์เรียบง่าย ไม่ชอบทำตัวโดดเด่นบนโลกโซเชี่ยลเหมือนพ่อค้าแข้งคนอื่นๆ และมักจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้ที่สุดเสมอ โดยหลังซ้อมเสร็จมักจะดิ่งตรงกลับไปที่บ้านเสมอ ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่ไหน
แม้ทุกวันนี้ ก็องเต้ มีทั้งชื่อเสียงและเงินทองที่สามารถซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ พี่แกได้รับค่าเหนื่อยกับ เชลซี ราวๆ 120,000 ปอนด์ แต่ก็ยังคงขับรถ มินิ คูเปอร์ คันเก่าตามเดิม ไม่คิดเปลี่ยนเป็นรถสปอร์ตคาร์แบบคนอื่นเขา
ปัจจุบัน ก็องเต้ ในวัย 28 ปี ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงพีกสุดๆ ของอาชีพการค้าแข้ง สร้างสไตล์การเล่นในแบบของตัวเองจนได้รับการยกย่อง แม้พูดน้อย แต่ต่อยหนักและเข้าเป้าทุกหมัด ทั้งยังเป็นต้นแบบของความพยายามและบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการ “รักดี”
นี่คือนักเตะที่คู่ควร กับการเป็นแบบอย่างที่ดีของนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต ทั้งฟอร์มการเล่นในสนามและการวางตัวนอกสนาม และเป็นที่รักของแฟนบอลทีมอื่นด้วย
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น