อีกหนึ่งสุดยอดนักเตะของวงการลูกหนังที่เพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในวัย 38 ปี คือ ปาทริซ เอวร่า อดีตแบ็กซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด
“พูดจริงๆ นะ มันเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมากเลยครับ ในทุกๆ วัน ผมรู้สึกโชคดี และขอบคุณมากๆ สำหรับทุกอย่างที่ผมประสบความสำเร็จมาได้ ”
“มันก็เศร้านิดหน่อยนะที่ต้องพูดตอนนี้ แต่ผมว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเลิกแล้วล่ะ ”
“ผมตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ ผมแค่อยากจะเลิกตอนนี้ ” “อายุ 38 ปีแล้ว ผมรู้ว่าผมยังดูหนุ่มอยู่ แต่มันถึงเวลาสำหรับรุ่นใหม่ๆ แล้ว ผมมีความสุขมากครับ ”
เมื่อวันที่ 30 กรกกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ปาทริซ เอวร่า อดีตแบ็กซ้ายตัวเก่งของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทำการยุติเส้นทางลูกหนังอาชีพด้วยวัย 38 ปี โดยใช้เวลา 20 ปี บนเส้นทางการค้าแข้ง ทั้งใน ฝรั่งเศส อิตาลี และ อังกฤษ คว้าแชมป์ 15 เมเจอร์โทรฟี่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอีก 5 ถ้วยกับ ยูเวนตุส อีกทั้งยังติดทัพ เลส์เบลอส์ มาแล้ว 81 นัด โดยเตรียมมุ่งหน้าอบรมโค้ชต่อไป
ปาทริซ เอวร่า เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1981 ที่กาดาร์ ประเทศเซเนกัล สูงเพียง 173 ซม. หรือประมาณ 5 ฟุต 8 นิ้ว เอวร่าเป็นแบ็กที่มีความเร็วพอสมควร อาจจะไม่ได้เร็วจี๋มากนัก แต่ความเร็วของเขา ช่วยทำให้ขึ้นมาเติมเกมรุกริมเส้นให้กับทีมบ่อยๆ และช่วยลงมาสกัดกั้นเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามเสมอๆเวลาโดนบุก
เจ้าตัวนั้นมาจากครอบครัวใหญ่ที่มีพี่น้องถึง 24 คน และเอวร่า ต้องเป็นคนหาเงินเลี้ยงคนทั้งหมดในตระกูลทั้ง 24 ชีวิตด้วย
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดในเมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล ได้ไม่นาน เอฟร่า ก็ย้ายไปอยู่ในประเทศฝรั่งเศสกับมารดาของเขาตั้งแต่ยังมีอายุเพียง 3 ปี และเริ่มต้นเรียนรู้การเล่นฟุตบอลกับสโมสรเยาวชน เซโอเลซูว์ลี เมื่อปี 1992-1993 จากนั้นเล่นให้กับทีมเยาวชนเซแอ็สแอ็ฟเบรตีญี เมื่อปี 1993-1997
จากนั้นก็ได้เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับ แรนส์, ล็องส์, ตูลูส และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในบ้านเกิด โดยในตอนแรกเขาลงเล่นในตำแหน่งกองหน้า ทว่าไม่ประสบความสำเร็จเลย แต่ยังโชคดีที่ยังได้รับความสนใจจากทีมสโมสรในลีกระดับต่ำอิตาลี ที่ชื่อว่า มาร์ซาล่า และ เอวร่า ได้เซ็นสัญญากับที่นั่น เล่นในตำแหน่งปีก
และโชว์ฟอร์มได้โอเคทีเดียวกับการยิงไป 6 เม็ดจาก 27 เกม ก่อนจะย้ายไปดับกับ มอนซ่า ในปี 1999-2000 โดยลงเล่นไปเพียง 3 นัดเท่านั้น
ต่อมา เอวร่า ได้โอกาสกลับมายังบ้านเกิดใน ฝรั่งเศส โดยเล่นให้กับ นีซ และในช่วงแรกๆ เอวร่าถูกดันไปเล่นเป็นกองหน้าด้วย แต่เนื่องด้วยสโมสรกำลังประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ทำให้พี่แกต้องหมุนมาเล่นเป็นแบ็กซ้ายเป็นครั้งแรกนัดที่เจอกับ สต๊าด ลาวาลลัวส์ แต่กลับฉายแววได้ดีจนได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นตำแหน่งซ้ายยอดเยี่ยมในลีก ดิวิชั่น 2
หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดี โมนาโก ก็เลยกระชากตัวมาร่วมทีมในปี 2002 และก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ต่อเนื่อง โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 120 นัด ยิงไป 2 ประตู และสามารถพาโมนาโกเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2004 ได้ แต่สุดท้ายต้องอกหักด้วยน้ำมือของ ปอร์โต้ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่คว้าแชมป์มาครองได้ในปีนั้น
จนปี 2006 เอวร่า ก็ได้ย้ายมาปักหลักปักฐานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 5.5 ล้านปอนด์ เพียงไม่กี่วันหลังจากการคว้าตัว เนมานย่า วิดิช แต่ช่วงปีแรกๆ ก็เจอปัญหาในการปรับตัวเช่นกัน กว่าจะปรับตัวเข้ากับทีม เข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษได้ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควรเลย แต่พอปรับตัวเข้ากับทีมได้ เขาก็สถาปนาเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด
และมีส่วนในการประสบความสำเร็จอย่างมากกับปีศาจแดง หลังย้ายมาเล่นให้กับถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่ปี 2006 -2014 โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 379 นัด ยิงไป 6 ประตู พาทีมคว้าแชมป์หลายรายการทั้ง พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก 1 สมัย , ลีกคัพ 3 สมัย , ฟีฟ่า คลับ เวิล์ด คัพ 1 สมัย
นอกจากนี้ ปาทริซ เอฟร่า ยังเป็นกำลังสำคัญของ “เลอ เบลอส์” เขาติดทีมชาติฝรั่งเศสไปมากถึง 81 นัดด้วยกัน
จากนั้นเจ้าตัวก็ย้ายไปประสบความสำเร็จกับยูเวนตุส ในปี 2014-2017 โดยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี และ โคปา อิตาเลีย อย่างละสองสมัย ก่อนที่สโมสรสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้งจะเป็น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
หลังย้ายจาก มาร์กเซย กลับมาเล่นในลีกผู้ดีอีกครั้งเมื่อปีที่แล้วโดยมีโอกาสงเล่นให้ “ขุนค้อน” 5 เกมในลีก
เอวร่า เป็นอีกหนึ่งแข้งที่มีวีรกรรมสุดแสบเคยมีปัญหากับแฟนบอลของตัวเองมาแล้วสมัยอยู่กับ มาร์กเซย โดยกระโดดกังฟูคิ้กใส่แฟนบอลของทีมตัวเองก่อนหน้าเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับ วิตอเรีย กิมาไรช์ หลังจากไม่พอใจการด่าทอจากแฟนบอล ตารางบอลวันนี้
นอกจากนี้ยังเคยมีปัญหากับ หลุยส์ ซัวเรซ อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล สมัยที่ทั้งคู่เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก โดยทาง เอวร่า ได้แจ้งว่าเคยถูกกองหน้าอุรุกวัย เหยียดผิวระหว่างการแข่งขันศึกแดงเดือด ส่งผลให้ ซัวเรซ โดนแบนยาวถึง 8 นัด จนทั้งคู่มีความบาดหมางขึ้นและไม่จับมือกันในเกมแดงเดือดปี 2012
เมื่อมาถึงวันหนึ่ง วันที่ เอวร่า ประกาศแขวนสตั๊ด เราคงไม่ได้เห็นเขาโลดแล่นในสนามอีก ทว่าเส้นทางที่เขามองไว้หลังจากการเป็นนักเตะแล้วนั่นคือ หันไปเรียนงานโค้ชทันที
เอวร่ากับมาดโค้ช ดูมันก็น่าสนใจไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ คาดว่าเรียนโค้ชใช้เวลาราวๆ 2-3 ปี เสร็จสรรพออกมาพร้อมรับงานคุมทีม เขาก็จะเป็นกุนซือหนุ่มในวัย 40 ปีเข้าเทรนด์โค้ชสมัยนี้พอดิบพอดี
รอดูกันนะครับ 2 ปีจากนี้ เราจะได้เห็น เอวร่า ในบทบาทใหม่กับงานกุนซือว่าเขาจะไปได้สวยแค่ไหน
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น