หากไม่มีอะไรผิดพลาด อารอน วาน-บิสซาก้า จากคริสตัล พาเลซ กำลังจะเป็นนักเตะใหม่ของ แมนฯยูไนเต็ด คนที่ 2 ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ดึงตัวมาเสริมทีมต่อจาก ดาเนี่ยล เจมส์ กองกลางเวลส์ที่ผีแดงไปดึงมาจากสวอนซี
โดยค่าตัวที่ แมนฯยูไนเต็ด ใช้ไปล่อซื้อ อารอน วาน-บิสซาก้า มาจาก คริสตัล พาเลซ เป็นจำนวนมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์ โดยตัวนักเตะจะได้ค่าเหนื่อยราว 80,000-90,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ค่าตัวระดับ 50 ล้านปอนด์นั้นจะทำให้ อารอน วาน-บิสซาก้า เป็นนักเตะที่ค่าตัวติดท็อป 5 ของสโมสรทันที โดยจะเป็นรองแค่พวก ปอล ป็อกบา,โรเมลู ลูกากู, อังเคล ดิ มาเรีย และ เฟร็ด
ถือว่าเป็นตัวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เวลาไล่ล่าอยู่พักใหญ่ทีเดียว ซึ่งจะว่าไปแล้วตำแหน่งแบ็กขวา แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่ามีปัญหา แต่ยังไม่ถึงกับเป็นจุดที่ต้องรีบแก้ไขเร่งด่วนที่สุดแต่อย่างใด
เพียงแต่การที่ต้องทนเห็น แอชลี่ย์ ยัง ลงเล่นตำแหน่งนี้มาทุกๆสัปดาห์ ทำให้แฟนๆปีศาจแดงเริ่มเซ็ง
และไม่สนุกแน่ ยังไงการมีแบ็กขวาตัวใหม่ถือเป็นทางเลือกน่าจะดีกว่าที่มีอยู่แน่
และ อารอน วาน-บิสซาก้า ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม มีสถิติเข้าสกัดมากสุดในกองหลังจาก 5 ลีกชั้นนำในยุโรปเมื่อซีซั่นก่อน, เคลียร์บอลสำเร็จมากสุด129ครั้ง – เข้าสกัดบอลสำเร็จ 3.7 ครั้ง/เกม,
แท็คเกิ้ลสำเร็จมากสุด 129ครั้ง – เปอร์เซนต์แท็คเกิ้ลสำเร็จสูงสุด 94%, ตัดบอลสำเร็จมากสุด 84 ครั้ง – ตัดบอลได้ 2.4 ครั้ง/เกม, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จมากสุด 90 ครั้ง – เลี้ยงผ่านคู่แข่ง 1.7 ครั้ง/เกม อย่าลืมว่าเด็กนี่แค่อายุ21ปีเท่านั้น!
ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมา อารอน วาน-บิสซาก้า สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ตลอดซีซั่น โดยเขาสามารถเอาชนะใจ รอย ฮอดจ์สัน ได้ ทำให้ในบรรดากองหลังสโมสรคริสตัล พาเลซ ทั้งหมด
วาน-บิสซาก้า ลงเล่นน้อยกว่า แพทริก ฟาน อานโฮลท์ แค่คนเดียวเท่านั้น ถือเป็นฟูลแบ็กที่เล่นเกมรับได้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19
ด้วยเงินมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์ อาจจะดูว่า “แพง” เกินไปสักหน่อย เพราะสำหรับแบ็กขวาดาวรุ่งที่เพิ่งมีโอกาสเล่นในลีกสูงสุดเต็มตัวแค่ปีเดียวมันไม่ควรมีราคาแพงขนาดนี้
แต่ถ้ามองถึงราคานักเตะในตลาดตอนนี้ ราคานี้กลับไม่ดูแพงเกินไปนัก เพราะอายุการใช้งานเหลือๆ อีกเป็น 10 ปี ที่สำคัญถ้าเจ้าตัวสามารถรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้เหมือนอย่างเมื่อปีที่แล้ว ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
แมนฯ ยูไนเต็ด ของโซลชา จึงยอมลงทุนซื้ออนาคตที่พวกเขาเชื่อว่า มันน่าจะผลิดอกออกผลเกินกว่าเงินที่พวกเขาทุ่มไป
เหตุผลประการแรก วาน-บิสซาก้า คือนักเตะอนาคตไกล ที่พร้อมจะ “ไปต่อ” ที่หลายๆ สื่อให้ความสนใจ
โดยวัยเพียงแค่ 21 ปี ทำให้ผีแดงยังมีเวลาใช้งานกองหลังความเร็วสูงคนนี้อีกนาน
อารอน วาน-บิสซาก้า เติบโตมาจากตำแหน่งปีกในช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น แต่เพราะในช่วง ก.พ. 2018 ทีมต้นสังกัด คริสตัล พาเลซ เจอวิกฤตปัญหานักเตะบาดเจ็บ และเวลานั้นวาน-บิสซาก้า จึงถูกจับไปเล่นเป็นแบ็ก รวมถึงในบางจังหวะก็เติมเกมรุก ไม่ต่างอะไรจากตำแหน่งวิงแบ็ก
นับแต่นั้น เขาก็คือแกนหลักของ คริสตัล พาเลซ เรื่อยมา ซึ่ง แมนฯยูไนเต็ด คงจะประเมินแล้วว่า
วาน-บิสซาก้า อาจจะเป็นอะไหล่ได้ในทุกๆ ตำแหน่ง ทั้งเกมรับและเกมรุกในเกมฝั่งขวา
แฟนๆ ปีศาจแดง จึงหวังว่า วาน-บิสซาก้า จะยังคงฟอร์มการเล่นเดิมไว้ และเข้ามาช่วยยกระดับเกมรับของทีมให้ดียิ่งขึ้น โปรแกรมฟุตบอล
แน่นอนว่าเป้าหมายต่อไปคือเซนเตอร์ฮาล์ฟ เป็นเป้าหมายที่แท้ทรู และชัดเจนว่าคนๆนั้นคือ แฮร์รี่
แม็คไกวร์ กองหลังเลสเตอร์ ซิตี้ แต่ต้องแย่งกับเพื่อนบ้านน่ารำคาญ แมนฯ ซิตี้ มีการยื่นข้อเสนอไปแล้ว 65 ล้านปอนด์ รวมถึงรายของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ตัวรุก สปอร์ติ้ง ลิสบอน
ในรายหลังอาจจะต้องแย่งกับ ลิเวอร์พูล เพราะตอนนี้ข่าวเชื่อมโยงกับทีมหงส์แดงเริ่มแรงขึ้นมา แต่ค่าตัวแพงเอาเรื่องที่ 70 ล้านยูโร เลยทีเดียว
ดีลต่อไปอาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่เท่าที่ดูในเวลานี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการนักเตะอีกอย่างน้อย 2 ราย ก็น่าจะปิดตลาดรอบนี้ได้
ถ้าสุดท้ายแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ได้นักเตะมาอีกสองคน และเป็นสองคนตามที่คาดหมาย ก็ถือว่าการเสริมทัพรอบนี้พวกเขาทำได้ไม่เลวเลยล่ะ…
-แมนคูเนี่ยน-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น