อำลา “เอล นินโญ่”


หลังจากวันอาทิตย์นี้ เราจะไม่ได้เห็นเฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าแก้มแดงในสนามฟุตบอลอีกแล้วนะครับ เมื่อเขาเตรียมประกาศแขวนสตั๊ด ยุติอาชีพค้าแข้ง หลังโลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลมากว่า 18 ปีเต็ม..

วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เอาเสียจริงๆ นักฟุตบอลก็เช่นกันจากวันที่เราดูเขาเล่นมาตั้งแต่สมัยเด็ก จนกระทั่งมาถึงวันที่ต้องแขวนสตั๊ดยุติการเป็นนักฟุตบอล และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในวัย 35 ปี ก็เป็นอีกคนที่จะยุติอาชีพการค้าแข้งของตัวเองลง

เฟร์นานโด ตอร์เรส เกิดวันที่ 20 มีนาคม 1994 เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของชาวแอตเลติโก หรือทีม 
“ตราหมี” นั่นเอง เนื่องจากเป็นสายเลือดแท้ๆของชาวมาดริด ที่เกิดและเติบโตที่มหานครแห่งนี้ และเลือกที่จะเล่นให้กับแอตเลติโก มาดริด หนึ่งในสองสโมสรชั้นนำของเมืองหลวงสเปน

ตอร์เรสนั้นเริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ ตอร์เรสนั้นเริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากตำแหน่ง
“ผู้รักษาประตู” แต่หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาเล่นกองหน้ามาโดยตลอด และมีครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ โดยเฉพาะคุณปู่ที่เป็นแฟนตัวยงของแอตฯมาดริด ปู่ของตอร์เรสกรอกหูเขาทุกวันว่าให้เล่นกับทีมตราหมีนี้ 

และมีส่วนผลักดันอย่างมากให้เจ้าตัวเข้าอยู่ในสังกัดนี้ให้ได้ และจนในที่สุดผลงานของเขาที่ระเบิดฟอร์มในทีม ราโย13 (Rayo 13) โดยยิงไปทั้งหมด 55 ประตูในฤดูกาลเดียวก็ไปเตะตาแมวมองของทีมตราหมีและถูกดึงมาเข้าสังกัดนี้จนได้


และเมื่อเข้ามาอยู่ที่ถ้ำหมีแห่งนี้ ความเก่งกาจของเขาก็พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นว่าเขานั้น “แบกอายุ” ของเขาเองอยู่ตลอด เขาไปอยู่แอตฯมาดริดชุด U-15 ด้วยวัยเพียงแค่ 13 ปี  ตอร์เรสเปล่งประกายของความเป็นยอดดาวเตะออกมาให้เห็น หลังจากพาทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า15ปีของแอตเลติโก้ มาดริด เป็นแชมป์ไนกี้ของภูมิภาคยุโรปในปี1998

และเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปในระดับเยาวชนอีกด้วย และได้เข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของแอตฯมาดริด ด้วยวัยเพียง 16 ปี

นั่นจึงทำให้ไม่ว่าจะอยู่ทีมชุดไหนก็เด็กไปกว่าเขาเสียทั้งหมด และทุกๆ คนในทีมนั้นก็เรียกเขาเหมือนกันหมดว่า  “เอล นินโญ่”  หรือ “ไอ้หนู” นั่นเอง จนกลายเป็นฉายาของเขามาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง


ตอร์เรส ใช้เวลาในทีมเยาวชนอยู่ 6 ปี ตั้งแต่ปี 1995-2001 กว่าจะได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ ซึ่งในช่วงนั้นทีมตราหมียังเล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า ดิบิซิออน หรือลีกา 2 สเปน

อย่างไรก็ตาม พอช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลา ลีกา ได้ ในฤดูกาล 2001-02 ก็ยังไม่ใช่ปีที่ดีของเขา หลังยิงได้แค่ 6 ประตู จากการลงเล่น 36 นัด แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มระเบิดฟอร์มยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกันที่อยู่กับตราหมี


ปี 2002-2003 เป็นปีแรกที่ตอร์เรสถูกดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และก็ทำได้ไม่เลว ยิงได้12ประตู จาก29นัด พาทีมตราหมีจบอันดับ11

ปี 2003-2004 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของตอร์เรส ที่กดไป19 ประตูจาก 35 นัด อีกทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมด้วยวัยแค่ 19 ปี

ปี 2005 ดูจะเป็นปีที่เผลงานของเขากลับแย่ลง เขายิงได้ 16 ประตูเท่านั้นและทีมก็ไม่ได้แชมป์อะไร

หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2006 ตอร์เรส มีข่าวการโยกย้ายทีมมาโดยตลอดหลังจากฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะเป็น เชลซี แมนยูฯ สเปอร์ ฯลฯ แต่เขาเลือกปฏิเสธที่จะย้ายไปในช่วงซัมเมอร์ปีดังกล่าว และยังต้องการอยู่กับแอต.มาดริด ต่อไป


หลังจากนั้นมีข่าวลือว่าลิเวอร์พูลที่ตอนนั้นคุมทีมโดย ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องการดึงตัวตอร์เรสไปร่วมทีม และทั้งสองสโมสรก็สามารถตกลงกันได้ โดยหงส์แดงยื่นเงิน 25 ล้านปอนด์บวกกับ หลุยส์ การ์เซีย เป็นตัวแถมในสัญญา ทำให้ตอร์เรสได้ย้ายมาร่วมทีมหงส์แดงในซัมเมอร์ 2007 ในที่สุด และยังเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลในเวลานั้นด้วย

เพียงแค่ฤดูกาลแรกตอร์เรสก็กดไป 33 ประตู จาก 46 เกมทุกรายการ ส่วนในลีกก็ซัดไป 24 ประตู

อย่างไรก็ดี ตลอด 3 ฤดูกาลกับลิเวอร์พูล ตอร์เรสไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์อะไรได้เลย แม้จะซัดไปถึง 72 ประตูรวมทุกรายการ ประกอบกับเชลซีไม่ละเลยความสนใจในตัวตอร์เรสเลย และเรื่องดังกล่าวก็กลายเป็นจริงขึ้น เมื่อตอร์เรสย้ายไปอยู่กับสิงห์บลูส์ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคม 2011


เหตุผลหลักในการย้ายไปเชลซีนั้น น่าจะเป็นเพราะความต้องการที่จะเป็นแชมเปี้ยน และนั่นทำให้ลิเวอร์พูลเป๋ไปพักใหญ่เลยทีเดียว

แม้ว่าการมาเชลซีจะทำให้ตอร์เรสประสบความสำเร็จ ได้แชมป์มาครองหลายรายการทั้งดับเบิ้ลแชมป์เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2011-12 แชมป์ยูโรปา ลีก 2012-13 แต่ว่าฟอร์มของเขาตอนเล่นอยู่กับเชลซีนั้นไม่เหมือนเดิมกับลิเวอร์พูลแล้ว โปรแกรมฟุตบอล

ตลอด 4 ปีกับเชลซี ตอร์เรสไม่เคยยิงได้ถึงหลัก 10 ประตูในพรีเมียร์ลีกเลย และมีสถิติยิงไปแค่ 20 ประตู 
จาก 110 เกมในลีก นั่นทำให้เจ้าตัวต้องย้ายไปอยู่กับเอซี มิลาน แบบยืมตัวในปี 2014-15 แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่ง “เอล นินโญ่” ได้กลับไปบ้านหลังเก่าที่ตราหมีในเดือนมกราคมปี 2015

และที่แห่งนี้ทำให้ตอร์เรสกลับมาเล่นด้วยความมั่นใจอีกครั้ง และช่วงเวลา 3 ปีครึ่งก็ยังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ในปี 2017-18 บรรลุความฝันที่จะได้แชมป์กับทีมรักในวัยเด็กเรียบร้อย


ช่วงท้ายในชีวิตการค้าแข้ง ตอร์เรส เลือกมาเล่นกับซางัน โทซึ ในเจลีก ในวัย35ปี และก็กำลังจะแขวนสตั๊ดแล้ว ความสำเร็จทั้งหมดตอร์เรสได้รับมาครบถ้วน ในนามทีมชาติก็คว้ามาได้ทั้งแชมป์ยูโรและแชมป์ฟุตบอลโลก

เฟร์นานโด ตอร์เรส  อาจไม่ได้มีสถิติที่ยิงประตูถล่มทลายเท่ากับกองหน้าคนอื่นๆ แต่สไตล์การเล่นและความสามารถเฉพาะตัวที่อันตรายรวมถึงจบสกอร์อันเฉียบขาด อีกทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา คือภาพจำตลอด 18 ปีที่ตอร์เรสโลดแล่นอยู่บนวงการลูกหนัง



ขอบคุณตอร์เรสที่ได้มอบความสุขให้กับแฟนบอลตลอด 18 ปีที่ผ่านมา และขอให้คุณโชคดีหลังจากนี้นะ เอล นินโญ่! 




-แมนคูเนี่ยน-





ความคิดเห็น