ย้อนรอย ออลอิงแลนด์ ไฟน่อล : แมนฯ ยูไนเต็ด VS เชลซี UCL 2008


นับจากวันนี้เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2019 จะเริ่มขึ้นแล้ว เป็นการเจอกันเองสองสโมสรจากอังกฤษ วันนี้เราจึงมีเกมในความทรงจำจาก 2 ตัวแทนอังกฤษเจอกันเอง นั่นคือ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เชลซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2008

21 พฤษภาคม 2008 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินหน้าล่าแชมป์ยุโรปสมัย 3 เจอกับเชลซีที่เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาโหยหาแชมป์อย่างมาก เพราะปีนี้คือ 50 ปีครบรอบเหตุโศกนาฏกรรมที่มิวนิค และครบ 40 ปี จากการได้แชมป์ยุโรปสมัยแรก

ในวาระพิเศษแบบนี้ คงจะดี ถ้าได้แชมป์ยุโรปมาครอบครอง


ส่วนเชลซี ก็ต้องการแชมป์ไม่แพ้กัน โรมัน อบราโมวิชเจ้าของทีมสิงห์บลูส์ ฝันอยากเห็นทีมตัวเอง ได้แชมป์ยุโรปสักครั้ง และมันคงจะเพอร์เฟ็กต์เลย ถ้าหากสามารถทำได้ในบ้านเกิด ที่รัสเซีย

ทั้งสองทีมแลกกันอย่างสนุก จนกระทั่งความพยายามของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นผลเมื่อได้ประตูนำ 1-0 นาที 26 พอล สโคลส์ ไหลบอล เวส บราวน์ เปิดด้วยเท้าซ้ายจากริมเส้นฝั่งขวา ไปที่เสาสองให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เทคตัวโหม่งสะบัดเบียดเสาเข้าไปตุงตาข่าย อย่างสวยงาม นับเป็นประตูที่ 8 ของโรนัลโด้ ในการเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 11 ในฤดูกาลนี้

นาที 34 ผีแดงโต้กลับเร็ว โรนัลโด้ เปิดจากทางซ้ายให้ คาร์ลอส เตเวซทิ้งตัวโหม่งจ่อๆ
แต่ปีเตอร์ เช็ก ปัดออกมาได้ ลูกยังมาเข้าทาง ไมเคิล คาร์ริค ยิงซ้ำติด เช็ก ปัดบอลออก เส้นหลัง เป็นลูกเตะมุม ซึ่ง ฮาร์กรีฟส์ เปิดลูกเตะมุมจากทางขวาให้ โรนัลโด้ โหม่งเฉี่ยวเสาออกไป


เกมเป็นของผีแดงตลอด โดยพวกเขามีโอกาสลุ้นทำประตูอีกครั้ง นาที 41 ฮาร์กรีฟส์ เปิดจากทางด้านขวาเข้ามาในเขตโทษ บอลเลย โคล้ด มาเกเลเล่ แต่ เตเวซ เข้าชาร์จไม่ถึง ชวด โอกาสได้ประตูที่สองไปอย่างน่าเสียดาย จังหวะต่อมา ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดโดนใบเหลือง นาที 43 หลังจากทำฟาวล์ แฟร็งค์ แลมพาร์ด ทำให้ เชลซี ได้ฟรีคิก แต่ บัลลัค ยิงฟรีคิกข้ามคานออกไป อย่างไม่มีลุ้น

อย่างไรก็ตาม เชลซีมาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 เมื่อ มิชาแอล เอสเซียงยิงจากนอกกรอบเขตโทษ บอลไปแฉลบหลังของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เลยมาเข้าทาง แฟร็งค์ แลมพาร์ด ที่สอดเข้ามาเดาะบอลผ่านการป้องกันของ ฟาน เดอร์ ซาร์เข้าประตูไปนาที 45

เข้าสู่ครึ่งหลัง โดยรวมเกมตกเป็นของ สิงห์บลูส์ อย่างเห็นได้ชัด และน่าได้ประตูที่สอง
เมื่อ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ยิงจากบริเวณกรอบเขตโทษ แต่บอลดันชนเสาอย่างจัง


จากนั้นทั้งคู่สู้กันอย่างเข้มข้นจนครบ 90 นาที ช่วงท้ายเกมท่านเซอร์เปลี่ยน ไรอัน กิ๊กส์ ลงมาแทน 
พอล สโคลส์ ส่งให้ กิ๊กส์ ทำลายสถิติของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นที่เรียบร้อยแล้วในการเป็นนักเตะที่ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดมากที่สุดที่จำนวน 759 นัด  ก็ไม่มีใครยิงได้อีก ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษ อีก 30 นาที ทั้งสองทีมมีโอกาสที่บวกประตูขึ้นนำ เชลซีพลาดโอกาสทองประตูขึ้นนำจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้โอกาสยิงในเขตโทษแต่บอลพุ่งไปชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ส่วนปีศาจแดง ไรอัน กิ๊กส์ ได้โอกาสดีดบอลจากลูกผ่านถึงสุดเส้นหลังขอ ปาทริซ เอวร่า บอลจะข้ามเส้นอยู่แล้ว แต่ยังมี จอห์น เทอร์รี่ ยังสกัดออกไปได้ ตารางบอล


จากนั้นทั้งสองทีมก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ ครบ 120 นาที เสมอกันไป 1-1 เลยต้องไปตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษชี้ขาด โดย แมนฯยูไนเต็ดได้ยิงก่อน ผลลัพธ์ทั้งหมดว่าใครจะเป็นแชมป์ จะปรากฏในไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้


Penalty Kick (6-5)



ผีแดงเป็นฝ่ายพลาดจุดโทษก่อนหลัง โรนัลโด้ ยิงไปติดเซฟของ เช็ค ขณะที่คนอื่นๆของทั้งสองทีมยิงเข้าทั้งหมด จนมาถึงคนสุดท้ายนั่นคือ จอห์น เทอร์รี่ ซึ่งถ้าลูกนี้ยิงเข้าจะทำให้เชลซีคว้าแชมป์ในทันที 
แต่ทว่า เทอร์รี่ กลับลื่นและยิงหลุดกรอบออกไป ทำให้ต้องยิงจุดโทษกันต่อ สุดท้าย นิโกล่า อเนลก้า มายิงไปติดเซฟของ ฟาน เดอร์ ซาร์ ส่งผลให้ ผีแดง คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 3 ไปครอง




บทสรุปของค่ำคืน ที่มอสโก วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2008 กับความหลากหลายครบทุกรสชาติ โชคดวง สมอง แท็กติก กลยุทธ์ 






เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน





ความคิดเห็น