ย้อนรอยแมตช์อัปยศ : เชลซี VS บาร์ซ่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2009


 ถือเป็นหนึ่งเกมที่ถูกกล่าวถึงมากมาย เป็นเกมที่มีเหตุการณ์ไม่น่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะสาวกเชลซี นี่อาจเป็นหนึ่งเกมที่รู้สึกอัปยศต่อพวกเขามากที่สุด

ถ้าพูดถึงหนึ่งในเกมที่แฟนบอลดูแล้วรู้สึกอัปยศในโลกลูกหนัง เชื่อว่าเกม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศที่ เชลซี เปิดรังเหย้า แสตมฟอร์ด บริดจ์ เสมอกับ บาร์เซโลน่า 1-1 เมื่อปี 2009 จะต้องติดอันดับท็อป 10 แน่นอน การตัดสินของผู้ตัดสินในวันนั้น ทอม เฮนนิ่ง โอเวรโบ ค้านสายตาชาวโลกแทบทุกดอก เอียงไปทางฝั่งทีมเยือนเกือบทั้งหมด สุดท้าย “เจ้าบุญทุ่ม” ก็ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด

ย้อนกลับไปในเกมนัดนั้น เชลซี ภายใต้การคุมทีมโดย กุส ฮิดดิ้งค์ ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ทำหน้าที่คุมทัพ บาร์เซโลน่า ในเวลานั้น พาลูกทีมลงสู่สนามด้วยความหวังเต็มเปี่ยมทั้งคู่ เพราะหลังนัดแรกที่เสมอกันมาที่ คัมป์ นู  0-0 อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ “สิงห์บลูส์” ได้เปรียบที่ได้เล่นในบ้าน 
แต่ถ้า “เจ้าบุญุทุ่ม” บุกมายิงได้ เสมอแบบมีสกอร์ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทันที


เกมเดือดตั้งแต่เริ่มเกม ซามูเอล เอโต้ ของ “บาร์ซ่า” มีโอกาสยิงตั้งแต่นาทีที่ 2 จากนั้นก็ทำฟาวล์กันอุตลุต แต่ไม่นานความหวังก็เกิดขึ้นกับทางฝั่างเจ้าบ้านเมื่อการเติมเกมรุกของ แอชลีย์ โคล ทางซ้าย ไหลมาถึง จอห์น เทอร์รี่ พยายามยิงไปติด บอลกระดอนมาถึง ไมเคิ่ล เอสเซียง ยิงไกลบอลเช็ดคานเข้าไปก่อนในนาทีที่ 9 ขึ้นนำ 1-0

เรื่องความอัปยศเริ่มต้นในนาทีที่ 24 ดานี่ อัลเวส ของ บาร์เซโลน่า ไปงัดกับ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ล้มลงในกรอบเขตโทษ แม้ขาหนึ่งจะอยู่บนเส้น แต่ตัวโดนงัดกันล้มในกรอบ ต่อหน้าต่อตาผู้ตัดสิน สุดท้าย ได้แค่ฟรีคิกนอกกรอบ

จากนั้นนาที 26 เอริค อบิดัล ทั้งดึง ทั้งฉุด ดิดิเยร์ ดร็อกบา ซะล้มหัวทิ่มหัวตำในกรอบเขตโทษ แต่ไม่มีเสียงนกหวีดใดจากท่านเปานอร์เวย์ มาแล้วเน้นๆ 2 จังหวะ ต่อมาจังหวะที่ 3 ดร็อกบา ยังโดน ยาย่า ตูเร่ เสียบล้มในกรอบเขตโทษซะเต็มสองขา กรรมการก็ยังหานกหวีดไม่เจอเหมือนกัน


ต่อมา นิโกล่าส์ อเนลก้า ลุยเข้ากรอบเขตโทษในช่วงนาที 79 ช่วงที่เกมกำลังตึงเครียด และ เชลซี ต้องการประตูย้ำชัย โดน ตูเร่ ผลักล้มในกรอบเขตโทษ แต่ไม่มีเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินเหมือนเดิม

ดอกที่ 5 อเนลก้า คนเดิมเข้ากรอบเขตโทษ กระดกบอลไปติดแขน เคราร์ด ปิเก้ ในกรอบเขตโทษ ในแบบที่ไม่ใช่บอลทูแฮนด์ เพราะ ปีเก้ กางแขนออกมาชัดเจน และก็ยังเงียบกริบแบบเดิม

เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เชลซี เสียสมาธิเพราะความทุเรศทำเป็นไม่เห็นจังหวะฟาวล์หลายๆ จังหวะของผู้ตัดสิน ลิโอเนล เมสซี่ ผ่านบอลให้ อันเดรส อิเนียสต้า ตะบันหน้ากรอบเขตโทษ เข้าเสียบสามเหลี่ยมไปแบบที่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่มีทางรับได้


“สิงห์บลูส์” พยายามเร่งเครื่องเอาประตูชัยให้ได้ แม้จะเหลือเวลาไม่มาก มิชาเอล บัลลัค หวดบอลในกรอบเขตโทษจากจังหวะเตะมุม ไปติด ซามูเอล เอโต้ ที่กางศอกกันบอล แฮนด์บอลแน่ๆ ผู้ตัดสินยังเฉย บัลลัค วิ่งไปแหกปากประท้วง ที่แกก็ยังทำหูทวนลมต่อไป

เกมจบลงด้วยสกอร์ 1-1 บาร์เซโลน่า ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ด้วยกฎประตูทีมเยือน เข้าไปพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และปีนั้นบาร์ซ่าคว้าแชมป์ไป แต่คำถามก็ยังถูกตั้งขึ้นมาย้ำอีกว่า แชมป์ครั้งนี้ พวกเขาควรได้จริงๆ หรือ ?? ตารางบอลวันนี้

ฮิดดิ้งค์ ที่คุม เชลซี ในตอนนั้น ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า นี่คือการตัดสินที่ห่วยแตกที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลย จากการที่หมดความอดทน เข้าไปชี้หน้าด่าผู้ตัดสิน จนเดินเข้าห้องแต่งตัว แล้วหันมาด่าใส่กล้องถ่ายทอดสดซ้ำอีก ขณะที่สโมสรโดนปรับ 85,000 ปอนด์ เพราะควบคุมนักเตะตัวเองไม่ได้


ในตอนนั้นตัวผู้ตัดสิน โอเวรโบ เองก็เจอหนัก โดนแฟนบอลขู่ฆ่าตั้งแต่ยังไม่ได้ออกจากอังกฤษ จนก่อนจะออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมคนมารักษาความปลอดภัยกันจ้าละหวั่น




เกมนี้ถือเป็นแห่งความอัปยศอย่างแท้จริงของชาว สิงห์บลูส์ และอาจรวมถึงในโลกลูกหนังอีกด้วย




เรื่อง/เรียบเรียง : แมนคูเนี่ยน




เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล






ความคิดเห็น