ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูชัยให้บาร์เซโลน่าเอาชนะเลบันเต้ 1-0 ก่อนคว้าแชมป์ลา ลีกา อย่างเด็ดขาด ในนัดที่ 35 ของฤดูกาล และเป็นสมัยที่ 10 ให้กับตัวเอง ได้สำเร็จ
แม้ยังเหลืออีก 3 นัด แต่ แอตเลติโก มาดริดไล่ไม่ทันแน่นอนแล้ว กับระยะห่าง 9 แต้ม ถึง บาร์ซ่า จะแพ้รวด และ โชโล่ นำ “ตราหมี” ชนะทุกเกมที่เหลือจนคะแนนเท่ากันในนัดสุดท้าย แต่ เฮด ทู เฮด ก็ยังแพ้อยู่ดี
แชมป์หนนี้ นับเป็นสมัยที่ 26 ในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า ครั้งที่ 8 ในรอบ 11 ปี จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่านี่คือยุคของ บาร์เซโลน่า อย่างแท้จริง แม้แชมป์ 33 สมัยของ เรอัล มาดริด จะยังนับเป็นสถิติสูงสุดของประเทศก็ตาม
ยุคบาร์ซ่า-ยุคเมสซี่
ถ้าดูตามสถิติ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลา ลีกา ยุค บาร์เซโลน่า ในห้วงหนึ่งทศวรรษเศษถือกำเนิดพร้อมๆกับยุคของ
ลิโอเนล เมสซี่ ตลอดการคงอยู่ของ เลโอ นั้น บาร์ซ่า คว้าแชมป์ได้ถึง 10 สมัย ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงอิทธิพลของเขาที่มีต่อทีม
นับตั้งแต่เริ่มนับหนึ่งคว้าแชมป์ลีกาสมัยแรกภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งก์ ไรจ์การ์จ เมื่อฤดูกาล 2005-06 เมสซี่ ก็แผ่ขยายความยิ่งใหญ่ของตัวเองภายใต้เสื้อเลือดหมูน้ำเงินมากขึ้นเรื่อยๆ
จาก ไรจ์การ์จ สู่ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า,สู่ ตีโต้ บีลาโนบา และ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ทุกการร่วมงานกับเทรนเนอร์คนใหม่ เมสซี่ แทบไม่เคยพลาดคว้าแชมป์ ลา ลีกา เลย จะขาดไปก็เพียงแค่ยุคของ ตาต้า มาร์ติโน่ เมื่อฤดูกาล 2013-14 เพียงเท่านั้นที่ปล่อยให้ แอตเลติโก สอดแทรกขึ้นมาเป็นแชมป์ได้สำเร็จ (ปีนั้น บาร์ซ่า ได้รองแชมป์)
กุญแจสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ซีซั่นนี้
1. ลิโอเนล เมสซี่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมสซี่ ยังคงทรงอิทธิพลสูงสุดต่อ บาร์เซโลน่า เรียกว่าตั้งแต่นัดแรกจนถึงการเถลิงบัลลังก์แชมป์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
นับรวมประตูล่าสุดที่ส่งให้ทีมคว้าแชมป์ ทำสถิติยิงไปแล้ว 34 ประตู พร้อมกับอีก 13 แอสซิสต์จาก 32 เกม
จนถึงตอนนี้ บาร์ซ่า ยิงไปทั้งสิ้น 86 โดยที่ เมสซี่ มีส่วนร่วมถึง 47 ประตู ปราศจากเขา ทีมคงไม่สามารถเดินมาได้ไกลขนาดนี้
2) มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น
ชเตเก้น ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวแน่นอยู่แล้ว แต่ฤดูกาลนับเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขานับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในปี 2014
นายด่านวัย 26 รั้งอันดับ 3 รางวัล “ซาโมร่า” ด้วยผลงานลงเล่น 35 เกม เสีย 32 ประตู เฉลี่ยเสีย 0.91 ประตู/ 1 นัด ตามหลังอันดับ 1 ยาน โอบลัค ที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.66 /1 นัด (35 เกม เสีย 23 ประตู) กระนั้นความแตกต่างคือ แอตเลติโก เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นเน้นรับเหนียวแน่นเป็นหลัก ไม่เหมือน บาร์เซโลน่า ที่เน้นเกมรุก
การป้องกันประตูของนายทวารเยอรมันมีส่วนสำคัญไม่แพ้เกมรุก ของทีม หลายครั้งหลายเกมในฤดูกาลนี้ที่เขาช่วยเซฟทีมเอาไว้ไม่ให้เสียประตูหรือพ่ายแพ้
ตลอดฤดูกาลนี้ เขาโดดเด่นจนแทบไม่มีอะไรต้องอิจฉาพวกกองหน้าเลย และคงไม่เกินเลยซักนิด
หากจะพูดว่า บาร์ซ่า คว้าแชมป์ได้ ส่วนนึงก็เพราะมือทั้งสองข้างของเขา
3) คู่ต่อสู้ไม่แกร่งพอ
บาร์ซ่า เล่นได้ยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอคงเส้นคงวามากที่สุด แม้จะมีช่วงที่ผลงานดร็อปลงไปบ้าง แต่ถ้าเทียบคู่แข่งแย่งแชมป์จากเมืองมาดริดแล้ว บาร์ซ่าดูจะทำได้ดีกว่า พวกเขาปัญหาและความกดดันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เรอัล มาดริด เละเทะตั้งแต่ต้นซีซั่น เมื่อไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นได้ จนผลงานดิ่งลงเหว ซึ่งแทบไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่ “ราชันชุดขาว” ทำให้ บาร์เซโลน่า รู้สึกถึงความกังวล
ขณะที่ แอต.มาดริด นั้นก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และถือเป็นผู้ไล่ล่าที่คงเส้นคงวากว่าทีมร่วมเมือง
แต่ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจว่า ‘ตราหมี’ ยังมีขุมกำลังเป็นรอง บาร์ซ่า เยอะ
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด นอกจากความม่ำเสมอในการไล่เก็บแต้มที่ บาร์ซ่า มีมากกว่าสองคู่ชิงชัย ก็คือผลงานในการเจอกัน ทั้ง แอตเลติโก และ มาดริด ไม่มีใครชนะ บาร์เซโลน่า ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว
เมื่อเก็บได้ทั้งแต้ม และเฮด ทู เฮด จากทั้งสองทีม จึงทำให้เส้นทางเดินสู่ตำแหน่งแชมป์ของ บาร์เซโลน่า ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ โปรแกรมฟุตบอล
4) หลุยส์ ซัวเรซ ผู้มาถูกที่ถูกเวลา
สำหรับเกมรุก ถัดจาก เมสซี่ แล้ว ก็คงต้องยกให้ หลุยส์ ซัวเรซ นี่แหละที่มีส่วนสำคัญช่วยพา บาร์ซ่า เข้าเส้นชัย
21 ประตูของหัวหอกอุรุกวัย หากไล่เรียงลงลึกในรายละเอียด จะเห็นว่ามีอยู่หลายประตูที่ทรงคุณค่าควบรวมอยู่ ในวันที่แค่ เมสซี่ ยังไม่เพียงพอ ซัวเรซ มักมาถูกที่ถูกเวลาเสมอ
ตัวอย่างเช่นประตูตีเสมอ บียาร์เรอัล 4-4 แล้วก็ประตูเบิกร่องในเกมบดชนะ แอตเลติโก 2-0 ลูกยิงลักษณะไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และได้เปลี่ยนจาก 0 เป็น 1 หรือ 1 เป็น 3 คะแนน นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ
5) การจัดการทีมอันยอดเยี่ยมของ บัลเบร์เด้
ไม่ว่าจะมีนักเตะเก่งกาจซักแค่ไหน แต่ทีมจะเละแน่นอน หากว่าเทรนเนอร์ขากการบริหารจัดการทีมที่ดี และนั่นคือคุณสมบัติที่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม
บนเส้นทางการแข่งขันอันยาวไกล บัลเบร์เด้ บริหารจัดการสัดส่วนการลงเล่นของนักเตะแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม สร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นภายในทีม ผู้เล่นทุกคนล้วนแล้วแต่พูดถึงเขาด้านแง่บวก ชื่นชม สปิริตในทีมก่อตัวขึ้นอย่างเหนียวแน่น ไม่มีแข้งรายใดแตกแถว และที่สำคัญ เมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ ทุกคนไม่มีอาการล้าให้เห็นเลย
กลางสัปดาห์ที่จะต้องชนกับ ลิเวอร์พูล แม้จะลงเล่นมากกว่า พักน้อยกว่า แต่ บาร์ซ่า ยังดูกระปรี้กระเปร่า
บัลเบร์เด้ อาจไม่สามารถทำให้ บาร์เซโลนิสต้า ทุกคนหลงรักในฟุตบอลของเขาได้ แต่ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่าฟุตบอลของเขาทรงประสิทธิภาพอย่างที่สุด
จบภารกิจคว้าแชมป์ลีกเป็นที่เรียบร้อย เป้าหมายต่อไปแน่นอนคือ ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อันเป็นบทสรุปฤดูกาลอันยอดเยี่ยมของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าทำได้ขึ้นมามันจะเป็นฤดูกาลที่สุดยอดอีกหนึ่งฤดูกาลเลยทีเดียว
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น