แมตช์คลาสสิก: อังกฤษ VS กรีซ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก


 เชื่อว่า โมเมนท์วันนั้น ยังไม่เคยจางหายไปจากใจของสาวกสิงโตคำรามอังกฤษ ตราบจนถึงทุกวันนี้ เพราะนับเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้น เร้าใจ เพราะ สิงโตคำราม กำลังลุ้นเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพ แบบไม่ต้องเตะเพลย์ออฟ

วันนี้เมื่อ 14 ปีก่อน ตำนานนักเตะเท้าชั่งทองของทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นวีรบุรุษของคนทั้งชาติ หลังซัดฟรีคิกปลิดวิญญาณใส่กรีซ พา “ทรี ไลออนส์” ตีตั๋วสู่ฟุตบอลโลก 2002

วันที่ 6 ตุลาคม 2001 เดวิด เบ็คแฮม พลิกชะตาจากผู้มีส่วนให้ทีมชาติอังกฤษตกรอบฟุตบอลโลกปี 1998 ให้กลายมาเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติ พาสิงโตคำราม 3 ผ่านเข้าไปโชว์ตัวในรอบสุดท้าย เมื่อซัดฟรีคิกสุดสวยในช่วงท้ายเกมช่วยให้ทีมชาติอังกฤษเปิดบ้านยันเสมอกรีซ 2-2
มีผลทำให้อังกฤษไม่ต้องไปเตะรอบเพลย์ออฟ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกรงว่าจะไม่ได้เห็นอังกฤษในฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพได้สำเร็จ


วันนั้น ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ณ เมืองแมนเชสเตอร์ “ทรี ไลออนส์” ของ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ต้องการอย่างน้อย 1 แต้ม เพื่อการันตีการได้ไปเล่นเวิลด์คัพ 2002 โดยไม่ต้องไปเพลย์ออฟ 
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับเป็นฝ่ายตามหลังกรีซอยู่ 2-1 และเวลา ณ ตอนนั้นก็ใกล้จะจบเกมเต็มที เล่นเอาแฟนผู้ดีทั้งสนามต่างลุ้นกันอย่างหนัก ตารางบอล

กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่สาม อังกฤษ มาได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาบริเวณกลางประตู 
และเป็น เบ็คแฮม ขออาสารับหน้าที่สังหารด้วยตนเอง แล้วเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง หลังบรรจงปั่นด้วยขวาเน้นๆ ส่งบอลโค้งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ อันโตนิส นิโคโปลิดิสผู้รักษาประตูของ กรีซ ณ เวลานั้น ทำได้เพียงชำเลืองเซฟด้วยสายตา


อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลก 2002 ทีมชาติอังกฤษ หยุดเส้นทางไว้ที่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่าย บราซิล 2-1 จากลูกลักไก่ยิงไกลของ โรนัลดินโญ่ นั่นเอง และพลพรรค “แซมบ้า” ก็เดินหน้าคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ในปีดังกล่าว ด้วยการอัด เยอรมนี ในรอบชิงชนะเลิศไป 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของ โรนัลโด้






เรื่อง/เรียบเรียง: แมนคูเนี่ยน








ความคิดเห็น