มีหลากหลายเหตุผลที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต สมควรเรียก เจมส์ วอร์ด-พราวส์ มิดฟิลด์จาก เซาธ์แฮมป์ตัน กลับมาติดทีมชาติอังกฤษเป็นหนที่สอง
วอร์ด-พราวส์ ยิง 6 ประตูในพรีเมียร์ลีกปี 2019 เป็นรองแค่ เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ ซาดิโอ มาเน่เพียงสองคนเท่านั้น และ 2 ใน 6 ประตู มาจากฟรีคิกสุดสวยที่ยิงใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และประตูชัยที่ปั่นดับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรัง เซนต์ แมรี่ส์ เป็นการเปิดประตูบานใหญ่กลับสู่ทัพ “ทรี ไลออนส์”
เจมส์ วอร์ด-พราวส์ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2011 และได้ประเดิมสนามในเกมลีกคัพตั้งแต่อายุยัง 16 ปีปลายๆ ก่อนจะเซ็นสัญญาอาชีพตอนที่ เดอะ เซนต์ส เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2012 ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่น ลุค ชอว์, คาลัม แชมเบอร์ส และ แจ๊ค สตีเฟ่นส์
ด้วยจุดเด่นของเจ้าตัว ที่มาจากการฝึกฝน นั่นคือลูกฟรีคิก ทำให้หลายๆ คนนึกไปถึง เดวิด เบ็คแฮม และด้วยพัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่อง เซาธ์เกต ได้เรียก วอร์ด-พราวส์ ในวัย 18 ปี ติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 เป็นครั้งแรก เป็นการก้าวกระโดดจากทีมชุดยู-19 และยู-20 อย่างรวดเร็ว
วอร์ด-พราวส์ โชว์ฟรีคิกในชุด "ทรี ไลออนส์" ในเกมชิงแชมป์ยุโรป รุ่นยู-21 รอบคัดเลือก ก่อนซัลโวใส่ บราซิล อีกในศึกตูลง ทัวร์นาเมนต์ ซึ่งประตูนี้ถูกโหวตเป็นประตูยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ด้วย
การติดทีมชาติชุดยู-21 เร็ว ทำให้ วอร์ด-พราวส์ อยู่กับทีมจนถึงศึกชิงแชมป์ยุโรปปี 2017 ที่ได้รับบทกัปตันทีมชุดนั้น น่าเสียดายที่ตกรอบรองชนะเลิศ ด้วยการแพ้ดวลจุดโทษต่อ เยอรมนี
แม้ เซาธ์เกต ขยับเลื่อนชั้นไปคุมทีมชาติชุดใหญ่ แต่ก็ยังจับตามองฝีเท้า วอร์ด-พราวส์ อยู่ตลอด จนกระทั่งเดือนมีนาคมปี 2017 ก็เรียกตัวประเดิมชุดใหญ่ และได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องที่แพ้ เยอรมนี 0-1 โดยลงแทน เจค ลิเวอร์มอร์ ในนาที 82
นั่นคือเกมเดียว และการถูกเรียกตัวหนเดียวของ “พราวซี่ย์”
เหตุผลสำคัญมาจากการไม่สามารถยึดตัวจริงถาวรในทีม เซาธ์แฮมป์ตัน จึงไม่อาจโชว์ฝีเท้าได้อย่างต่อเนื่อง ตารางบอล
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนมาถึงเมื่อ ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล กุนซือชาวออสเตรีย ก้าวเข้ามาคุมทัพ
"เดอะ เซนต์ส" และพลิกบทบาทของ วอร์ด-พราวส์ ให้กลายเป็นกองกลางตัวรุก ที่เดินเกมเจาะตรงกลาง
ไม่ต้องไปเล่นปีกขวา หรือกองกลางตัวรับเหมือนที่ผ่านๆ มาอีกแล้ว
วอร์ด-พราวส์ ได้ลงตัวจริงในทีมของ ฮาเซนฮึทเทิล 13 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ นักบุญ
ในเวลานี้ วอร์ด-พราวส์ กำลังสนุกกับระบบการเล่น 3-4-2-1 ของ ฮาเซนฮึทเทิล ที่วางให้เป็น 1 ใน 2 มิดฟิลด์ตัวรุก บทบาทหลักคือการสร้างสรรค์เกม และรับผิดชอบลูกนิ่งทุกชนิด ขณะเดียวกัน ในเกมรับก็ยังผันตัวลงมาเป็น 1 ใน 3 มิดฟิลด์ตัวกลางด้วย
เดิมที พราวซี่ย์ ถูกคาดหมายว่าจะมีชื่ออยู่ในทีมของ เซาธ์เกต ครั้งแรกในรอบสองปี แต่เมื่อการประกาศรายชื่อออกมา กลับผิดคาด
“เรารัก พราวซี่ย์ ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด นับตั้งแต่เราเรียกตัวเขาติดทีมครั้งนั้น และเขายังเป็นมือสังหารฟรีคิกระดับโลกด้วย แต่เขาเพิ่งกลับมาอยู่ในทีม (ตัวจริง) ของ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ไม่นาน” เซาธ์เกต ชี้แจงกรณีไม่ใส่ชื่อ วอร์ด-พราวส์
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไป 5 วัน เซาธ์เกต ก็ตัดสินใจเรียก พราวซี่ย์ เข้ามาอยู่ในทีมจนได้ หลังจากการถอนตัวของ รูเบน ลอฟตัส-ชีค และ ฟาเบียน เดลฟ์ ถือเป็นรางวัลตอบแทนที่กองกลางจาก เซาธ์แฮมป์ตัน สมควรได้รับอย่างที่สุด
และเมื่อไหร่ก็ตามที่ เซาธ์เกต ส่ง วอร์ด-พราวส์ ลงสนาม ทุกสายตาจะต้องจับจ้องไปที่ลูกฟรีคิก ที่จะกลายเป็นอาวุธเด็ดชิ้นใหม่ของทัพ ทรี ไลออนส์
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น