อินทรีเหล็กยุคใหม่


ถือเป็นเวลาที่นานพอสมควร ที่เยอรมันงัดฟอร์มเก่ง เล่นได้มันส์เอาชนะคู่แข่งได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หลังเฉือนฮอลแลนด์แบบสุดมันส์ 3-2 ในเกมรอบคัดเลือกยูโร 2020 กลุ่ม ซี

หลังจาก อินทรีเหล็ก ได้แชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2017 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ ถ้าใครยังจำกันได้ขุนพลชุดที่ไปเล่นคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพเป็นแค่ชุดบี เท่านั้น ไม่มีพวกตัวแกนหลัก
อย่าง มานูเอล นอยเออร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, โทนี่ โครส และ โธมัส มุลเลอร์ แม้จะไม่ใช้ชุดใหญ่แต่พวกเขาก็กรุยทางเดินหน้าไปถึงแชมป์ จัดการปราบชิลีในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ อีกทั้งยังมีขุมกำลังสำรองที่ว่ากันว่าสามารถจัดทีมลงเล่นได้แบบเนียนๆ 4 ทีม จึงเป็นเรื่องยากที่ใครจะหยุดเยอรมันได้

แต่ว่าผ่านไป 1 ปี ใครจะไปเชื่อว่าเยอรมันแชมป์เก่าฟุตบอลโลก และเป็นเต็งจ๋า จะกล้าๆตกรอบแรกที่รัสเซีย

อินทรีเหล็กแพ้ทั้ง เม็กซิโก และเกาหลีใต้ ตกรอบแรกแบบไม่เหลือลายแชมป์เก่าเอาไว้เลย
ถือเป็นผลงานที่ตกต่ำสุดชนิดที่ไม่เคยขึ้นมาก่อน

หลังจากฟุตบอลโลก 2018 เยอรมันลงเล่นเนชั่นส์ ลีกก็ยังห่วยต่อเนื่อง จมบ๊วยของกลุ่มที่มี ฮอลแลนด์ และ ฝรั่งเศส


เยอรมันกระเด็นหล่นไปเล่นลีกบี เป็นผลงานที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องในปี 2018 ก็ว่าได้ จากการที่ทีมล้มเหลวจากทัวร์นาเมนต์ใหญ่สองรายการคือ ฟุตบอลโลก และ เนชั่นส์ ลีก เลิฟก็ได้มีการผ่าตัดทีมใหม่ จนได้สายเลือดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

กระทั่งก่อนเกมอุ่นเครื่องกับเซอร์เบีย เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โยอาคิม เลิฟ เพิ่งจะประกาศข่าวร้ายแก่แข้งหลักทั้ง 3 คนของเสือใต้ ทั้ง เยโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ โธมัส มุลเลอร์ จะไม่เรียกมาติดทีมอีกแล้ว

ถือเป็นการตัดสินใจที่ห้าวหาญมากๆ เพราะทั้ง 3 คนถือเป็นแข้งประสบการณ์ อยู่ในชุดแชมป์โลก 2014 
และยังมีอายุการใช้งานได้อยู่ แต่เลิฟเลือกที่จะเดินไปข้างหน้า ให้โอกาสเด็กสายเลือดใหม่ขึ้นมาแทน ปล่อยพวกรุ่นเก่าไว้ข้างหลัง เป็นการตัดสินที่เสี่ยงมากๆ เพราะหากเด็กเหล่านี้ทำผลงานไม่ดี ทีมก็จะยังแย่ลงเรื่อยๆ แต่ถ้าผลงานดีประสบความสำเร็จ เครดิตนี้ต้องยกให้เลิฟ เต็มๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง


เลิฟ เรียกตัวใหม่เข้ามาร่วมงานประเดิมนัดแรกที่เสมอ เซอร์เบีย 1-1 ได้เห็นฟอร์มหลายคนในเกมและตอนซ้อมจนเฟ้น 11 ตัวแรกที่ดีที่สุดชุดปัจจุบันออกมาได้

ผลงานมาสเตอร์พีซที่ อัมสเตอร์ดัม เลิฟ เล่นระบบ 3-4-3 นายด่านเป็น มานูเอล นอยเออร์ สามเซนเตอร์มี มัทธีอัส กินเทอร์, นิคลาส ซือเล่ และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์

วิงแบ็กขวา ธีโล เคห์เรอร์ วิงแบ็กซ้าย เป็น นิโก้ ชูลซ์ มิดฟิลด์คู่กลาง โทนี่ โครส จับคู่กับ โยชัว 
คิมมิช ส่วนสามแนวรุกเป็น ลีรอย ซาเน่, เลออน โกเร็ทซ์ก้า และ แซร์จ นาบรี้

ส่วนฮอลแลนด์ ของ โรนัลด์ คูมัน มาในระบบ 4-3-3 ซึ่งเป็นระบบดั้งเดิมของดัทช์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สามประสานในแนวรุกยังเป็น ไรอัน บาเบิล, ควินซี่ย์ ทรอมส์ และ เมมฟิส เดปาย


เกมนี้ทั้งสองทีมต่างเล่นกันสนุก เร้าใจดีเปิดเกมรุกเข้าหากันแบบไม่มีการดึงเช็ง ฮอลแลนด์เดินหน้าบุกตามไสตล์ที่ถนัด ขณะที่เยอรมัน ก็เข้าถึงตัวนักเตะดัทช์ได้เร็ว

และกลายเป็น อินทรีเหล็ก ที่ปล่อยหมัดเด็ดขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 ในครึ่งแรก จาก ซาเน่ และ นาบรี้

ประตูแรกซาเน่รับบอลจากชูลซ์ ที่เติมขึ้นมา ก่อนที่จะใช้ความเร็วเล่นงาน ก่นจะซัดประตูแรกเข้าไป ลูกสอง นาบี้ ได้บอลทางกราบซ้าย เลี้ยงหนี ฟานไดค์ ตัดเข้ากลาง แร้วกดเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย โปรแกรมฟุตบอล

แฟนๆกังหันสีส้มถึงกับอึ้ง เมื่อทีมรักตกเป็นรองถึง 2 เม็ด

ครึ่งหลัง คูมัน จึงแก้เกมโดยส่ง เบิร์กไวจน์ แทน บาเบิล และเดินหน้าเพรสซิ่งหนักกว่าเดิม


และมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จาก เมมฟิส เดปาย เหมาสองลูก ฟอร์มออตจริงๆเวลาเล่นทีมชาติเหมือนมีพลังแฝงอะไรหรือเปล่า

เลิฟ แก้เกมโดยถอด โกเร็ทซ์ก้า ออกในช่วง 20 นาทีสุดท้ายส่ง อิลคาย กุนโดกัน ลงมาแพ็กเกมตรงกลางให้แน่น และส่งทีเด็ด รอยส์ ลงมาแทน นาบี้ ในช่วงก่อนหมดเวลา

ปรากฏว่าสองตัวสำรองกลายเป็นซูเปอร์ซับมีส่วนทำให้ เยอรมัน ได้ประตูชัย กุนโดกัน จ่ายทะลุช่องให้ รอยส์ หลุดเข้าเขตโทษทางซ้ายแล้วคัดแบ็กมาให้ ชูลซ์ ตามเข้ามาแปด้วยขวาเข้าประตูไป

นิโก้ ชูลซ์ แบ็กซ้าย ฮอฟเฟ่นไฮม์ โชว์ฟอร์มเยี่ยม ยิงหนึ่งแอสซิสต์หนึ่งคว้า “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ไปครอง

ฮฮลแลนด์ ไม่ได้เล่นแย่เพียงแต่เปิดเกมรุกมากไปหน่อย มั่นใจในศักยภาพแนวรุกตัวเอง แต่แนวรับกลับมีช่องโหว่ให้โจมตี

ต้องให้เครดิต เลิฟ ที่เตรียมตัวมาดีบวกกับกรพตุ้นนักเตะทุกคนเล่นเต็มที่สู้ทุกจังหวะ ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเป็นแคแรกเตอร์ของทีมอินทรีเหล็กมายาวนาน





ทีมพลังหนุ่มชุดนี้มีความสดความดุดันบวกกับความปราดเปรียวในแดนหน้า และวินัยที่ยอดเยี่ยมทำให้สามารถพิชิตชัยดัทช์ได้





-แมนคูเนี่ยน-




เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล




ความคิดเห็น