การกลับมาอีกครั้งของ บีร็อด





ถือว่าไม่มีพลิกโผ สำหรับกุนซือคนใหม่ของเลสเตอร์ ซิตี้  เป็นไปตามดาด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาแทน โคล้ด ปูแอล อดีตกุนซือที่ถูกปลดออกไป

หลังจาก โคล้ด ปูแอล โดนปลดออกไป ในเช้าวันอาทิตย์ หลังจากพาทีมแพ้คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-4 เมื่อเกมลีกวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากผลงานของทีมช่วงหลังไม่ดีเอาเสียเลย แพ้ 6 จาก 7 เกมหลังสุด นั่นทำให้ปูแอล ต้องเก็บกระเป๋าออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ไปในที่สุด

จากนั้นไม่นาน สำนักข่าวบางสำนักโหมกระแสข่าวกุนซือคนใหม่ และชื่อของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กลายเป็นเต็งหนึ่งที่มีการพูดถึงมากที่สุด
ข่าวดังกล่าวก็กลายเป็นจริง เมื่ออดีตกุนซือลิเวอร์พลู หวนกลับมาพรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง เซ็นสัญญากับทีม จิ้งจอกสยาม ถึงปี 2022 รับค่าเหนื่อยปีละ 5.5 ล้านปอนด์


ถ้าใครยังจำกันได้สมัย “บีร็อด” คุมสวอนซี ซิตี้ เลื่อนชั้นขึ้นมาในปีแรก ทำให้สโมสรกลายที่จับตามองก็ว่าได้ ด้วยสไตล์การเล่นที่เล่นเกมรุก ต่อบอลบนพื้น สวยงาม จนสื่อมวลชนทุกแขนงต่างตั้งฉายา “สวอนเซโลน่า” ให้ ซึ่งมีรูปแบบการเล่นคล้ายคลึงกับยักษ์ใหญ่แคว้นกาตาลัน

หลังจากเขาคุมทีม มีสไตล์การเล่นเกมบุกที่ดี สวยงาม หลังจากนั้นในฤดูกาล 2012-13 เขาเข้ามาเป็นนายใหญ่ที่ลิเวอร์พลู และเกือบจะพาหงส์แดงสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในปี 2014 ที่เหล่า เดอะ ค็อป รอคอยมานานได้สำเร็จ ด้วยเกมรุกที่ดุดัน และเด็ดขาดทำให้หงส์แดงตัวนี้บินฉิวจนเกือบจะคว้ามาได้แล้ว
แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก หรือเพราะบีร็อด ไม่เก๋า ไม่เขี้ยวพอ ทำให้ 3 นัดสุดท้าย ลิเวอร์พลูฟอร์มหลุด และโดนแมนฯ ซิตี้ ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด…ต้องบอกว่า อีกนิดเดียวจริงๆ

หลังออกจากลิเวอร์พลู เขาก็ไปรับงานคุมทีม เซลติก ทีมดังในสกอตแลนด์ในปี 2016  และเขาสามารถพาทีม ม้าลาย เขียว-ขาว คว้าเทรบเบิลแชมป์ฟุตบอลในประเทศ 2 ปีติดต่อกันในซีซั่น 2016-17 และ ซีซั่น 2017-18 อีกทั้งในฤดูกาลนี้เซลติก ก็ยังนำเป็นจ่าฝูงสกอตติช พรีเมียร์ชิพ นำกลาสโกว์ เรนเจอร์ อยู่ 8 แต้ม 
และประเดิมถ้วยสกอตติช ลีก คัพ 2018-19 ไปแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทุกคนจะเห็นได้ว่าเขานำเซลติกทำ “เทรบเบิ้ล-เทรบเบิ้ล” ให้สนั่นวงการฟุตบอลแดนน้ำเมา


โดยสถิติการคุมทีมเซลติก ของบีร็อด นั้น ถือว่าดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว พาทีมลงแข่งไปทั้งสิ้น 169 นัด ชนะถึง 118 เสมอ 25 และแพ้ 26 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 69%

การละทิ้งกลางคันแบบนี้ ทำให้บรรดาสาวกม้าลายเขียว-ขาว ต่างรู้สึกช็อก และโกรธอย่างมาก ทั้งๆที่ เขาสามารถรอจนจบฤดูกาลแล้วค่อยไปรับงานคุมทีมใหม่ก็ได้ พาทีมไปบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จก่อน ซึ่งปีนี้เซลติก ก็ยังคั่วสามโทรฟี่เหมือนเดิม ทีเด็ดบอลดัง

การกลับสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้งของ “บีร็อด” ย่อมเป็นแรงดึงดูดที่ท้าทายให้เขากลับมาแสดงฝีมือในเวทีแห่งนี้ (รวมถึงรายได้)  จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ส่วนที่ยากที่จะเข้าใจคือ เป็นเรื่องของจังหวะเวลา 
หรือ Timing มากกว่า เพราะใครๆ มองว่าเขาน่าจะคุมทีมจนจบฤดูกาลนี้ก่อนถึงตอนนั้นอิ่มตัวกับเซลติก แล้ว การไปหาความท้าทายใหม่ๆ เป็นสิ่งที่แฟนบอลยอมรับและเข้าใจได้กว่าการทิ้งทีมไปกลางคันในตอนนี้


ยิ่งถ้า นีล เลนน่อน บอสเก่าวัย 47 ในปัจจุบัน มารับตำแหน่งแทน แล้วพาทีมหลุดโค้งในช่วงท้ายฤดูกาลขึ้นมา ร็อดเจอร์ส จะผิดเป็นสองเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย โปรแกรมฟุตบอล

เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรที่พร้อม ยิ่งสไตล์การทำทีมของร็อดเจอร์สตรงตามที่เจ้าของทีมโปรดปราน จึงน่าติดตามง่าเขาจะทำให้ทีมจิ้งจอกกลายเป็นทีมอันดับ 7 ที่พร้อมโผล่เข้าพื้นที่ท็อปซิกซ์รวมถึงไล่ล่าแชมป์บอลถ้วยได้หรือเปล่า

กลุ่มผู้เล่นสายเลือดใหม่ทั้ง เดมาไร เกรย์, เบน ชิลเวลล์, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, เจมส์ แม็ตดิสันต่างก็รอวันพัฒนาเติบใหญ่ หากต้องอยู่ภายใต้การปลุกปั้นไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ซึ่งแฟนบอลก็น่าจะได้เห็น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาคุมทีมจิ้งจอกเป็นนัดแรกในเกมเยือน วัตฟอร์ด คืนวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. นี้





ต้องติดตามกันต่อไปว่า “บีร็อด” จะไปได้สวยแค่ไหนกับเลสเตอร์ ซิตี้  และเขาจะเป็นคำตอบที่ใช่หรือไม่…





-แมนคูเนี่ยน-





เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล





ความคิดเห็น