ย้อนกลับไปในสมัยก่อน โดยเฉพาะสาวกไอ้ปืนใหญ่ที่มีช่วงวงจรชีวิตของทีมทำเอาแฟนๆถึงกับเซ็งและเบื่อกันเลย
โดยจะเริ่มต้นฤดูกาลทุกปีอย่างมีความหวัง ขับเคี่ยวลุ้นแย่งแชมป์กับพวกท็อปโฟร์ อย่างสูสี ซึ่งประกอบไปด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด เชลซี อาร์เซน่อล และลิเวอร์พลู กระทั่งพอครึ่งซีซั่นหลัง เริ่มออกอาการแผ่ว
ตัวหลักเริ่มทยอยกันเจ็บ และที่น่าตลกที่สุดคือ ในฟุตบอลยุโรปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขามักถูกไปจับเจอกับ บาร์เซโลน่า หรือไม่ก็บาเยิร์น มิวนิค จนบ่อยผิดปกติมาก และสุดท้าย พวกเขาก็โดนสองทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนและเยอรมัน เขี่ยตกรอบทุกครั้ง เหมือนหนังม้วนเดิมที่รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง
กระทั่งมาเร่งเครื่องเก็บคะแนนเข้าเส้นชัยจับอันดับท็อปโฟร์ อย่างดีสุดบางปีก็มีแชมป์บอลถ้วยอย่าง
เอฟเอ คัพ มาประดับโชว์ แล้วก็วนลูบเดิมแบบเดิมนี้ๆซ้ำกันหลายรอบ
นี่คือวงจรปืนใหญ่ที่ทำเอาแฟนๆ ช่วงนั้นต่างเซ็งชีวิตไปตามๆ กัน แต่ทว่าพวกที่เซ็งกับวงจรดังกล่าว นาทีนี้อาจจะขอกลับเข้าวงจรนี้อีกได้มั้ย อย่างน้อยไม่ได้แชมป์ แต่ก็ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เอาว่ะ เพราะ 2 ปีหลังสุดมานี้ อาร์เซน่อลไม่ได้เข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ไปยูโรปา ลีก แทน
แล้วดูเหมือนว่าวงจรของอาร์เซน่อลมันช่างคล้ายกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เหมือนกันในช่วงหลังมานี้
ตั้งแต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ลากกระเป๋าเข้ามาทำงานที่สเปอร์ส ตั้งแต่ปี 2014 ต้องยอมรับว่า สเปอร์สในมือของเขายกระดับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาเป็นทีมหัวแถวของพรีเมียร์ลีก กลายเป็นสมาชิกของ “บิ๊ก ซิกซ์” อย่างเต็มตัว สเปอร์สแทรกตัวเองเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีกอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามสเปอร์สเองก็ยังไม่มีถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์สโมสร ทำให้โดนปรามาสว่าการจบท็อปโฟร์
แต่ปราศจากแชมป์มันก็เปล่าประโยชน์
ล่าสุดไก่เดือยทองเพิ่งตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการ คือ คาราบาว คัพ ต่อด้วยเอฟเอ คัพ ทำให้โอกาสจะได้สัมผัสแชมป์ในฤดูกาลนี้ดูมืดมนเข้าไปอีก
เท่ากับว่าสเปอร์ส เหลือให้ลุ้นคือ พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่นาทีนี้มีใครคิดว่าพวกเขาจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก หรือแชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่อีกหรือ?
ต้องบอกว่าสเปอร์สโชคร้ายที่ต้องปราศจากคีย์แมนไปพร้อมๆกันหลายคนทั้ง แฮร์รี่ เคน, เดเล่
อัลลี่ และ ซน ฮึง-มิน ในช่วงเวลาที่สำคัญที่ต้องเล่นบอลถ้วยชี้ชะตา ก่อนสุดท้ายพวกเขาก็พลาดท่าไปไม่ถึงดวงดาวที่ฝันไว้
แพ้เชลซีรอบรองฯ ดวลจุดโทษ ล่าสุดบุกพ่ายต่อคริสตัล พาเลซ 0-2 ทั้งๆที่มีโอกาสยิงเพียบเกือบ 20 ครั้ง รวมถึงจุดโทษของ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ซัดออกไปเฉยเลย เปอร์เซ็นต์การครองบอลก็เหนือกว่า แต่สุดท้ายก็เจาะพาเลซไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างก็คือคุณภาพสำรองที่ถูกส่งลงเล่นในเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุด ยังไม่สามารถทดแทนกับขาดหายพวกแกนหลักได้ คุณภาพเชิงลึกของสเปอร์สจึงดูด้อยกว่าเมื่อไปเทียบกับพวก “บิ๊กซิกซ์”
หลังจบเกมโปเช็ตติโน่โดนตั้งคำถามถึงการที่ทีมตกรอบ เพราะมันคือการโยนโอกาสคว้าถ้วยที่ดีที่สุดทิ้งไปโปเช็ตติโน่กลับตอกหน้าคำถามเหล่านั้น โดยยืนยันว่าการทำทีมให้ติดท็อปโฟร์สำคัญที่สุด
แน่นอนถ้าหากเลือกได้พอชก็อยากพาทีมได้แชมป์เช่นกัน เพราะตลอดการคุมทีมของเขายังไม่เคยได้แชมป์ใดๆเลย 10 ปีที่โปเช็ตติโน่คุมทีมตั้งแต่สมัยเอสปันญ่อลมาจนถึงเซาธ์แฮมป์ตัน และสเปอร์ส เขายังไม่มีถ้วยสักใบประดับบารมี ทีเด็ดบอลชุด
ช่วงเวลาดังกล่าวมันใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่สเปอร์สร้างราความสำเร็จ เพราะไก่เดือยทองก็ไม่ได้แชมป์ใดๆ มา 11 ปีแล้ว
การทิ้งถ้วยในประเทศไป 2 รายการ ก็เป็นไฟต์บังคับว่าสเปอร์สต้องทำทุกวิถีทางที่จะรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ไว้ให้ได้
ตอนนี้ไก่เดือยทองรั้งอยู่กันดับ 3 นำหน้าทีมอันดับ 5 และ 6 คืออาร์เซน่อล และแมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 7 คะแนน ช่องว่างดังกล่าวถือว่าไม่น้อยแต่ก็ไม่มากเช่นกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล เหลืออีกตั้ง 15 เกมกว่าจะจบฤดูกาล อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้
หากสเปอร์สยังไม่แผ่วแบบน่าเกลียด ยังไงก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะรักษาท็อปโฟร์ไว้ได้อีกปี แล้วก็คาดว่าจะไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ
เท่ากับว่ามันจะเป็นการย่ำอยู่กับที่ เหมือนๆกับ 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไปเปรียบเทียบกับช่วงนึงของอาร์เซน่อลไม่ได้เลยว่าคงเป็นทีมที่พึงพอใจกับการจบที่สี่
แต่ปีต่อไปๆ เป้าหมายของทีมมันเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คำว่า “โทรฟี่” มันจะลอยหลอกหลอนตั้งแต่วันแรกที่พอชคุม และถ้ามันยังไม่ได้เสียทีเป็นงี้ไปเรื่อยๆ แฟนๆ จะเริ่มชาชินกับการอยู่ในท็อปโฟร์ไปวันๆ
แล้วสเปอร์สจะเข้าสูตรเดียวกับอาร์เซน่อล นั่นคือวงจรอุบาทว์ที่วนเวียนไปมาแบบเดิม ไม่ก้าวไปไหนซะที
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น