ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ของโซลชา หยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 8 นัด หลังเสมอกับเบิร์นลี่ย์ ในเกมกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารักษาการตำแหน่งผู้จัดการทีมปีศาจแดง เขาก็พาทีมกะซวกชัยชนะติดต่อกัน 8 นัด ไล่ตั้งแต่ ชนะคาดิฟฟ์ 5-1 ชนะฮัดเดอร์ส ฟิลด์ 3-1 ชนะบอร์นมัธ 4-1 ชนะนิวคาสเซิ่ล 2-0 ชนะเรดดิ้ง (เอฟอ คัพ) 2-0 ชนะสเปอร์ส 1-0 ชนะไบรท์ตัน 2-1 ชนะอาร์เซน่อล (เอฟเอ คัพ) 3-1 และล่าสุดเสมอเบิร์นลี่ย์ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 2-2
แฟนปีศาจแดงส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกเสียดายที่มาสะดุดเกมนี้ ในการเก็บแต็มแย่งชิงพื้นที่ท็อปโฟร์ กับเชลซี และ อาร์เซน่อล ด้วยคู่แข่งที่มองแล้วน่าจะเก็บ 3 แต้มได้ไม่ยากนัก
แต่นี่แหละเกมฟุตบอลลูกกลมๆอะไรๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังมีมุมบวกอยู่บ้างที่อย่างน้อย ไม่แพ้คารังในเกมนี้ หลังโดนเบิร์นลี่ย์ บุกมายิงนำไปก่อนถึง 2 ลูก และเหลืออีกเวลาอีกไม่กี่นาทีเท่านั้นจะแพ้อยู่ร่อมร่อ
แต่พลพรรคปีศาจแดงสวมบท “ตายยาก” ฮึดกลับมายิงตีเสมอ 2 ลูก ช่วยให้รอดพ้นตายออย่างหวุดหวิด สู้จนวินาทีสุดท้ายอันเป็นคุณสมบัติปีศาจแดงในยุครุ่งเรือง มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่หวนกลับมาอีกครั้ง
ด้วยโปรแกรมที่เตะถี่ยิบในช่วงนี้ มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ กุนซือชาวนอร์เวย์จำเป็นต้องโรเตชั่น นักเตะในบางตำแหน่ง เนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งลงไปทำศึกหนักกับอาร์เซน่อล ในบอลถ้วยเอฟเอ คัพ มา ซึงโซลชาจัดทีมชุดใหญ่ลงเล่นและชนะไปได้ 3-1
แต่ก็สะบักสะบอมมิใช่น้อย เพราะมีเวลาพักน่องเพียงแค่ 3 วันจากนั้นเปิดบ้านรับการมาเยือนของเบิร์นลี่ย์ และจากนั้นวันอาทิตย์สุดสัปดาห์นี้บุกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ต่อ ภายในระยะเวลาแค่ 9 วัน พวกเขาต้องกรำศึกหนักต่อเนื่องถึง 3 นัด
หากตะบี้ตะบันใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง มีหวังนักเตะกรอบเป็นข้าวเกรียบแน่ รวมถึงส่งผลอาการบาดเจ็บในภายหน้าด้วย
เมื่อประเมินจากสถานการณ์ดูแล้ว ยิ่งได้เล่นในบ้านตัวเองด้วย และผู้มาเยือนเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่น่าจะแข็งแกร่งมากนัก มันจึงเป็นโอกาสดีในการที่จะ “โรเตชั่น” เพื่อรักษาความสดของลูกทีมในระยะยาว
ว่าแล้วผู้เล่นอย่าง ฟิล โจนส์, อันเดรียส เปเรยร่า, โรเมลู ลูกากู และ ฆวน มาต้า ได้โอกาสลงเล่นลงเล่นในเกมนี้ ซึ่งเมื่อมองดูแล้วขุมกำลังก็ถือว่ายังดูดีกว่าผู้มาเยือนด้วยซ้ำ ไม่น่าจะเป็นงานยากอะไร
แต่นั้นแหละ เมื่อจบ 45 นาทีแรก ปีศาจแดง ยังยิงผู้มาเยือนเบิร์นลี่ย์ ไม่ได้ซะอย่างนั้น
ปกติแล้วปีศาจแดงของกุนซือ “เบบี้ เฟซ” มักจะยิงออกนำคู่แข่งในครึ่งแรกเสมอ ทำให้เกมขึ้นครึ่งหลังเล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ที่ต้องบอกว่าปีศาจแดงเล่นได้ไม่ดีเท่าทีควร เกมรุกไม่ไหลลื่น ดูเล่นเนือยช้าๆ ไม่เร็ว แถมยังมีความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆอีก
โดยเฉพาะโอกาสทองจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่กลับยิงพลาดหมูหกซะอย่างนั้น
ซึ่งแรชฟอร์ด ยังมีปัญหาเสมอกับการตัดสินใจจังหวะสุดท้าย ที่เค้ายังไม่เฉียบขาด เยือกเย็นพอ
แท็กติกของ ฌอน ไดซ์ เวิร์คทีเดียว ไม่เล่นเกมรับอย่างเดียวเหมือนเวลาทีมเล็กๆมาเยือน ที่ชอบใช้กัน
แต่พวกเขาใช้วิธีวิ่งสู้ฟัด พลางบีบเข้าหาบอลเร็วในทุกจังหวะ จนเห็นผลนักเตะของ โซลชา ทำอะไรไม่ได้ถนัดถนี่นัก แถมยังบีบให้ยูไนเต็ดต้องเล่นด้านข้างแล้วเปิดเข้ามา แนวรับที่สูงใหญ่ก็ป้องกันอันตรายลักษณะนี้ได้แทบทั้งหมด
และแล้วปีศาจแดงก็ก่อความผิดพลาดขึ้นจนได้ จนโนเบิร์นลี่ย์ชิงจังหวะขึ้นนำก่อน จากการเล่นที่ไม่ละเอียดสักเท่าไหร่ของนักเตะ 2 คน ทีเด็ดบอลดัง
คนแรกคือ ฟิล โจนส์ ที่ออกอาการโชว์เหวออีกแล้วครับท่าน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามทีต้องถูกคู่แข่งประกบตัวอยู่ไม่ห่างก็ดันยัดบอลให้ตรงหน้ากรอบเขตโทษตัวเองสุ่มเสี่ยงต่อการโดนลงโทษหากว่าพลาดขึ้นมา
ส่วนเปเรยร่า ก็มีส่วนรับผิดชอบเช่นกันในการเสียประตูแรกนี้ ต้องบอกว่าเกมนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย นี่คือเกมที่เขาควรสร้างความประทับใจ แต่อ่านเกมไม่ดี ตัดสินใจไม่เด็ดขาด เมื่อเจอคู่แข่งบี้จนตัวแบบนั้น แทนที่จะเบิ้ลบอลจังหวะเดียวออกไปทางด้านข้าง หรือกระแทกคืนหลังไปเลย แต่เขากลับพยามครองบอลแล้วพลิกเล่นเอง สุดท้ายโดนคู่แข่งฉกไปยิงลงโทษจนได้
ยิ่งงานยากขึ้นไปอีกเมื่อมาโดนลูกที่ ในขณะที่เหลือเวลาปกติไม่ถึง 5 นาทีแล้ว หากตีไข่แตกไม่ได้ในช่วงนี้ก็เตรียมตัวแพ้ และคำว่า “คาบ้าน” ได้เลย
แต่พลพรรคป๊สาจแดง สวมบท ผีตายยาก ทั้งที่เกือบจะแพ้คาบ้านอยู่รอมร่อ กลับมาพลิกสถานการณืตามตีเสมอ 2 ลูกได้สำเร็จ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แบบ “เฟอร์กี้ ไทม์”
จาก 0 แต้ม กลับได้มา 1 แต้ม แม้จะพลาดเก็บชัยชนะนัดนี้ แต่การที่โดนนำไปก่อน 2-0 แล้วกลับมาฮึดตีเสมอได้ ก็น่าถือว่าปลาบปลื้มได้ไม่น้อยทีเดียว
จากเกมนี้ OGS ต้องระวังในการจัดทัพให้มากขึ้น ได้รู้แล้วว่านักเตะคนไหนใช้ได้ หรือไม่ได้ เพราะเดือนหน้าจะเข้าสู่โปรแกรมหนักของทีมแล้ว จำเป็นต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อรักษาโอกาสท็อปโฟรที่ตอนนี้โอกาสเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น