เรอัล มาดริด ได้แชมป์ใบแรกมาประดับตู้โชว์ให้แฟนๆ ได้แล้วในปีนี้ หลังเอาชนะ อัล ไอน์ 4-1 ในเกมนัดชิงสโมสรโลกที่อาบูดาบี
นับเป็นถ้วยแชมป์สโมสรโลกใบที่ 4 ของเรอัล มาดริดแล้ว ทำสถิติครองแชมป์รายการนี้มากที่สุดเหนือกว่าทุกสโมสรและยังเป็นการส่งท้ายฤดูกาลอันยาวนานตั้งแต่สิงหาคม 2017
แชมป์สโมสรโลกสมัยที่ 4 ของเรอัล มาดริด แต่เป็นแชมป์แรกในฐานะกุนซือใหญ่ของ
ซานติอาโก้ โซลารี่ หลังคุมทีมมาทั้งสิ้น 54 วัน เรียกได้ว่าคุมยังไม่ถึงสองเดือนเต็ม ก็ได้แชมป์สโมสรโลกแล้ว นับว่าโซลารี่มีวาสนาพอตัวเช่นกัน
นับจากเกมล่าสุดที่ชนะ ราโย บาเยกาโน่ 1-0 สถานการณ์ของโซลารี่กับทีมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
แม้จะคว้า 3 แต้มมาได้ แต่ภาพที่ออกมานั้นบ่งบอกว่าทีมยังขาดอะไรอีกหลายๆอย่าง และสิ่งที่ขาดหายไปนั้นมันทำให้แฟนบอลรู้สึกผิดหวังและเซ็งไปตามๆกัน
ที่เห็นได้ชัดก็คือ รูปเกม วิธีการเล่น ความกระหาย มันลดหย่อนไปจากยุค ซีเนดีน ซีดาน
พอเปลี่ยนมาเป็นยุค โลเปเตกี ที่พายามจัดระเบียบทีม ทั้งการเล่นเกมรับ ช่วยกันวิ่ง ช่วยกันไล่ เหมือนที่เขานำมาใช้ตอนคุมทีมชาติสเปนจนได้ผลมาแล้ว แต่ทว่าที่เรอัล มาดริด สิ่งที่โลเปเตกีพยายามติดตั้งคำสั่งเหล่านี้ให้กับนักเตะในทีม ดูเหมือนจะไม่ตอบสนอง และสุดท้ายผลงานไม่เวิร์ค ถูกปลดออกไปในที่สุด
จนต้องเอา โซลารี่ โค้ชทีมชุดสำรองของเรอัล มาดริด ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
มาว่าด้วยเรื่องแชมป์สโมสรโลก ของมาดริดครั้งนี้ ซึ่งจากทั้ง 2 เกมในทัวร์นาเมนต์นี้ของมาดริดสิ่งที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดนั่นคือ
นักเตะเล่นกันอย่างมีอิสระ ผ่อนคลาย และดูมีความสุขมากกว่าการเล่นในประเทศสเปนซึ่งบางทีก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ส่วนนึงก็น่าจะเพราะได้ออกมาจากบรรยากาศเดิมๆ ได้มาอยู่ห่างไกลถึง
อาบูดาบี ไม่ต้องพะวงกับสายตาจับจ้องเป็นพิเศษและพวกสื่อที่ตามติดชนิดเป็นเงา
โอเคว่าพวกเขาเจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่า โดยเฉพาะกับ อัล ไอน์ ที่เข้ามาเล่นได้เพราะใช้สิทธิของเจ้าภาพ อีกทั้งพวกเขายังเสียเปรียบในเรื่องสภาพร่างกายที่ลงเล่นถึง 3 เกม กว่าจะเข้ามาเจอกับเรอัล มาดริด
ในบางมุมมองของบางกลุ่ม บางสื่อ อาจมองว่าถ้วยนี้ทีมอย่างเรอัล มาดริด สมควรจะต้องคว้ามาครองอยู่แล้ว ไม่ใช่แชมป์ที่ยิ่งใหญ่อะไรนัก วิเคราะห์บอล
อย่างไรก็ตาม การคว้าแชมป์สโมสรโลกครั้งนี้ซึ่งเป็นแชมป์แรกของโซลารี่สำคัญอย่างมาก ทำให้เรียกความมั่นใจภาพรวมของทีมกลับคืนมา และอาจส่งผลต่อเส้นทางที่เหลืออยู่ตลอดฤดูกาลนี้ของทีม
อย่างน้อยทีมได้แชมป์ ได้ชูถ้วย ได้ซึบซับความรู้สึกของแชมเปี้ยน ส่งผลให้บรรยากาศชื่นมื่นกลับมาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ห่อเหี่ยวมานานมาก
ขณะเดียวกันบรรดาแกนหลักของทีมกลับมาโชว์ฟอร์มพร้อมกับยิงประตูได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เซร์คิโอ
รามอส ที่ทำประตูจากลูกโขกที่ตัวเองถนัดนัก ลูก้า โมดริช ก็ยิงไกลสุดสวย อันเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัว
แกเร็ธ เบล ทัวร์นาเมนต์นี้ เล่นได้อย่างโดดเด่น ซัดแฮตทริกได้สำเร็จในเกมรอบรองชนะเลิศ กับ คาซิม่า แอนท์เลอร์ส
และที่น่าประทับขึ้นอีกก็คือฟอร์มและการยิงประตูแรกของ มาร์กอส ยอร์เรนเต้ จนเขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในนัดชิงไปครอง
งานนี้เรียกได้ว่ามิดฟิลด์วัย 23 ปี แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ และนั่นจะทำให้ เรอัล มาดริด ได้รับประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องพึ่งพากาเซมีโร่ ไปตลอด อย่างน้อยมียอร์เรนเต้ เข้ามาทดแทนได้
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ คือทิศทางบวก และโซลารี่ สามารถพลิกเป็นโอกาสที่ดีให้เรอัล มาดริด กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง
สิ่งที่โซลารี่ควรทำนับจากนี้คือการรักษาสมดุลให้ดี รักษาบรรยากาศตรงนี้เอาไว้ และใช้มันตัวจุดประกายให้กับทีม
บางทีแชมป์สโมสรโลกแชมป์แรกใบนี้ของโซลารี่ ที่ดูว่าคว้ามาได้ง่ายๆไม่ยากเย็น แต่มันมีความหมายสำคัญสำหรับทีม และนักเตะ มากกว่าที่เราคิดอยู่ก็ได้
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น