เรอัล มาดริด บุกไปชนะโรม่า 2-0 ที่กรุงโรม ช่วยให้มาดริด ตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เป็นที่เรียบร้อย แต่มีประเด็นหนึ่งที่หลายคนจับตาดูว่า ทำไมถึงไม่มีชื่อของอีสโก้ภายในทีม
ในเกมที่สำคัญที่สุดของปี แม้กระทั่งรายชื่อสำรองที่ข้างสนามก็ยังไม่มี แต่กลายเป็นนักเตะอย่าง เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้, วิลนิซิอุส จูเนียร์ และดานี่ เซบายอส ซึ่งสร้างความมึนงงแก่เจ้าตัวอย่างมาก ทำไมเขาถึงไม่ได้รับโอกาสลงเล่น นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากมากจริงๆ เหตุใดโซลารี่จึงตัดสินเช่นนั้น
5 เกมที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่ ซานติาโก้ โซลารี่ ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ สถานะตำแหน่งตัวจริงของอีสโก้ ก็ไม่มีความแน่นอน จนช่วงหลังเขาหลุดจากตำแหน่งตัวจริงทุกเกม
ในเกมลา ลีกา เยือนเซลต้า บีโก้ เขาก็ไม่ได้ลงเล่น เกมล่าสุดพบเออิบาร์ เขาได้โอกาสลงมาเป็นตัวสำรองในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
กระนั่นมันก็ยังไม่แย่เท่า การไม่ชื่อเลยในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สำคัญกับโรม่า ที่กรุงโรม
ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออีสโก้ เดินลงจากรสบัสเป็นคนสุดท้ายเมื่อมาถึงสนามโอลิมปิกโก และสีหน้าท่าทางของมิดฟิลด์ชาวสเปนบ่งบอกทุกอย่าง และที่แย่ไปกว่านั้นเขาถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ทีมที่เขาต้องการจะเข้าไปห้องแต่งตัวที่อยู่ภายใน ซึ่งเพื่อนทุกๆคน ก็รอยู่ข้างในนั้นแล้ว
โดยคำตอบที่ได้รับกลับมาจากเจ้าหน้าที่คือ "ไม่จำเป็น" แล้วเหตุผลที่เข้าไปไม่ได้คืออะไรละ ??
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้พวกนักข่าวไม่ยอมปล่อยผ่านเฉยๆแน่ พวกเขาพยายามขุดคุ้ยหาเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ของโซลารี่
ทว่าเมื่อถูกถามเหตุผล กุนซืออาเจนไตน์กลับปฏิเสธที่จะพูดออกมาตรงๆ โดยพูดแค่ว่า นี่คือการตัดสินใจที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสม ฟังคำตอบแล้วก็ยังไม่เคลียร์เลย
ยากที่เข้าใจเรื่องนี้นัก ทำไมเรื่องราวถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะต่อให้เป็นยุคของ คาร์โล อันเชลอตติ
ซึ่งมักจีบ อีสโก้ นั่งสำรอง แต่แย่แค่ไหนเขาก็ยังให้โอกาสนั่งข้ามสนามเผื่อช่วยทีมได้
มาถึงยุค ซีเนดีน ซีดาน คุมทีม อีสโก้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของทีมมากขึ้น ไม่เคยหลุดโผ หรือไปนั่งดูเกมอยู่บนอัฒจันทร์แบบนี้ และในช่วงปลายซีซั่นที่แล้ว ซีดานยังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นมาใช้มิดฟิลด์ 4 คน ยิ่งทำให้อีสโก้โดดเด่นขึ้น
หรือจะเป็นยุค จูเลน โลเปเตกี ก็ตาม สถานการณ์ของอีสโก้ก็ยังไม่แย่เท่านี้
และยิ่งเป็นเกมสำคัญเช่นนี้ การโดนตัดออกจากทีมจึงเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดอย่างยิ่งสำหรับนักเตะอย่างอีสโก้
เหตุผลเดียวที่อาจทำให้เขาไม่มีชื่ออยู่ในทีมในเวลานี้นั่นคือ อีสโก้ยังไม่อยู่ในสภาพที่ฟิตสมบูรณ์ 100 % และในการฝึกซ้อมเขาก็ยังทำไม่ได้ดีนัก
กระนั้นคำว่าไม่ 100 % ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยทีมได้นิ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่ช้าไม่นาน หรืออาจเป็นเกมลา ลีกา นัดต่อไปกับบาเลนเซีย อีสโก้ จะกลับมามีส่วนร่วมกับทีมอีกครั้ง ทว่าการตัดสินใจตัดชื่อของเขาออกไปในเกมสำคัญกับโรม่า แบบนี้ มันคือการสร้างรอยบาดแผลในตัวอีสโก้ และดูท่าว่ายากจะประสานรอยร้าวนี้ด้วย
ที่ผ่านมา เรอัล มาดริด ต้องเสียนักเตะดีๆออกไปหลายคน อย่าง อัลบาโร่ โมราต้า,
ฮาเมส โรดริเกซ และ มาเตโอ โควาซิช ซึ่งย้ายออกจากทีมไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็เพราะว่าพวกเขาได้รับโอกาสลงสนามน้อยเกินไป
ในส่วนของ อีสโก้ ถือว่าเขามีความอดทนสูงในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภายในทีมตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา มากว่านักเตะตัวสำรองรายใด
ความอดทนของเรามีจำกัด และไม่แน่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นจุดสิ้นสุดของอีสโก้ก็เป็นได้
ถึงแม้อีสโก้จะไม่ได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอในทีมเรอัล มาดริด ทว่าสถานะของเขาก็จัดอยู่ในซูเปอร์สตาร์คนนึง และเมื่อใดตามที่เขาประกาศย้ายทีม เชื่อได้เลยจะมียักษ์ใหญ่ยื่นข้อเสนอมาให้พิจารณาอย่างแน่นอน
และแมนฯ ซิตี้ ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็แสดงความสนใจอยากได้ตัวอีสโก้ไปร่วมทีม
โดยเฉพาะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นคนที่ชอบแนวทางการเล่นของอีสโก้อย่างมาก ประกอบกับเวลานี้
ดาบิด ซิลบา จอมทัพซิตี้ก็อยู่ในช่วงปลายของเส้นทางการค้าแข้งแล้ว ซึ่งหากจะมีใครสักคนที่เข้ามาแทนที่ของซิลบา อีสโก้นี่หละ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
เห็นเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกหวั่นๆแทนเรอัล มาดริด ในซัมเมอร์นี้ที่อาจจะต้องเสียอีสโก้ออกไปอย่างไม่อาจฉุดรั้งเจ้าตัวไว้กับทีมได้
สำหรับแฟนๆราชันชุดขาวแล้ว อีสโก้คือนักเตะสำคัญคนหนึ่งที่แฟนๆชื่นชอบ และอยากให้อยู่ค้าแข้งกับทีมไปอีกหลายปี แต่ในเมื่อสถาณการณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ อนาคตข้างหน้าของอีสโก้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
-แมนคูเนี่ยน-
เพิ่มเติม: ข่าวฟุตบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น